การพัฒนาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาถึงจุดที่เราใช้มันสร้างภาพเคลื่อนไหวซึ่งดูเนียนเข้าใกล้ฟุตเตจถ่ายผู้คนจริงเข้าไปทุกที จนไม่แปลกที่มันถูกมองว่าจะเป็นทางออกของการทำหนังในอนาคตอันใกล้ แต่อีกด้าน เราก็เห็นการถกเถียงกันอย่างดุเดือดถึงจริยธรรมในการใช้ AI ในหนัง ซึ่งแน่นอนว่า นี่จะเป็นประเด็นที่ยิ่งซับซ้อนยุ่งยากขึ้นไปอีก หากเราหมายถึงหนังสารคดี
ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างยังฝุ่นตลบ ไม่มีความชัดเจนว่าตกลงคนทำหนังสารคดีสามารถสร้างฟุตเตจด้วย AI ได้ไหม จะโดนใครฟ้องไหม จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า สองนักกฎหมายคือ เดล เนลสัน กับ วิกตอเรีย โรซาเลส จากสำนักงานกฎหมาย Donaldson Callif Perez LLP ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับงานสร้างสรรค์โดยเฉพาะ ก็เขียนบทความ Legal FAQ: AI Tips for U.S. Documentary Filmmakers ขึ้นมาเป็นคู่มือแนะแนวเบื้องต้น ซึ่งแม้จะเป็นบริบทของวงการสารคดีอเมริกัน แต่เราคิดว่ามันเป็นหลักการที่น่าศึกษาดี จึงขอสรุป “3 เรื่องที่คนทำสารคดีควรคำนึงถึงในการใช้ AI” มาเล่าต่อ ดังนี้
1. ถ้าใช้ Generative AI (หมายถึง AI ที่ใช้ชุดข้อมูลที่มีอยู่ มาสร้างภาพใหม่ขึ้น) ก็ให้เลือกใช้โมเดลตัวที่เทรนด้วยต้นฉบับที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถกเถียงกันวุ่นวายที่สุดก็ว่าได้ ที่ผ่านมา บริษัทผู้พัฒนา AI ด้านการสร้างภาพหรือวิดีโอ เช่น OpenAI, Midjourney, DeviantArt ถูกฟ้องหลายคดี เพราะเจ้าของลิขสิทธิ์อ้างว่าบริษัทพวกนี้นำผลงานของพวกเขาไปใช้เทรนโมเดลของตน โดยไม่ขออนุญาตหรือจ่ายค่าตอบแทนเลย (ตัวอย่างที่เราเห็นชัด ๆ ก็คือ การนำภาพจากแอนิเมชั่นจิบลิมาเทรน แล้วให้ผู้ใช้อย่างเราเข้าไปสร้างภาพใหม่ในสไตล์จิบลิได้เอง ซึ่งทำให้เจ้าของผลงานอย่าง ฮายาโอะ มิยาซากิ ต้องออกมาแสดงความน้อยใจและไม่พอใจมาแล้ว) แต่บริษัทเหล่านี้ก็โต้แย้งว่า พวกเขามีสิทธิ์ใช้ภายใต้การคุ้มครองของหลัก fair use แถมล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเพิ่งแสดงทัศนะว่า บริษัทผู้พัฒนา AI ไม่ควรต้องมาเสียค่าลิขสิทธิ์ยุบยิบมากมาย เพราะจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าเชื่องช้าสิ้นเปลืองจนแข่งขันกับจีนไม่ได้ ขณะที่ศาลในสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีคำตัดสินในเรื่องนี้ชัดเจน
ในภาวะที่ทุกอย่างยังคลุมเครืออยู่นี้ คนทำสารคดีจึงควรเลือกใช้โมเดล AI ที่ฝึกด้วยเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องwxก่อน เพื่อลดความเสี่ยงที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะมาเรียกร้องสิทธิ์ในภายหลัง
2. ถ้าในหนังมีส่วนที่สร้างด้วย AI คนทำหนังต้องรู้ไว้ว่า ส่วนนั้นจะไม่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์
ในกฎหมายลิขสิทธิ์ (Copyright Act) ของสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า งานที่จะจดลิขสิทธิ์ได้ ต้องมี “ผู้สร้างที่เป็นมนุษย์” ดังนั้น หากในสารคดีมีทั้งส่วนที่เป็นฟุตเตจจริงที่ตัวคนทำหนังถ่ายของจริงมา และส่วนที่ใช้ AI สร้างขึ้น ตามกฎหมายนี้ก็จะถือว่า
ภาพเจ้าปัญหาจากสารคดีเน็ทฟลิกซ์เรื่อง What Jennifer Did (เรื่องของหญิงสาวที่จ้างสังหารพ่อแม่ตัวเอง) ที่คนดูจับโป๊ะได้ว่าใช้ AI สร้าง โดยดูจากความผิดเพี้ยนของมือทั้งสองข้าง แต่ทีมคนทำหนังปฏิเสธและยืนยันว่าเป็นภาพจริงแม้จะค้านสายตาสังคมแบบสุด ๆ หนังเรื่องนี้ยังไม่ไปถึงขั้นฟ้องร้อง แต่ก็ตกเป็นเป้าการวิจารณ์อย่างรุนแรงว่า การใช้ AI สร้างภาพซับเจ็กต์โดยจงใจให้คนดูหลงเชื่อว่าเป็นภาพจริงนั้นเป็นสิ่งที่หนังสารคดีไม่ควรทำอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อซับเจ็กต์ยังมีชีวิตอยู่และไม่สามารถโต้แย้งได้เลย (เพราะเธอยังอยู่ในเรือนจำ)
3. ใช้ AI จำลองภาพบุคคลที่มีตัวตนจริงได้ไหม : ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การเซ็ตฉากเพื่อสร้างเหตุการณ์และบุคคลในอดีตขึ้นใหม่ (reenactments) เป็นเทคนิคเล่าเรื่องที่สารคดีใช้กันมานาน แต่เมื่อ AI พัฒนาขึ้น ย่อมทำให้หลายคนเริ่มสนใจการใช้ AI ช่วยสร้างภาพเหล่านั้นแทนเพราะทั้งประหยัดและสะดวกกว่ามาก
สิ่งนี้จะเหมาะสมหรือไม่อย่างไรในด้านจริยธรรมสำหรับคนทำหนังสารคดีนั้น เป็นประเด็นที่ยังมีการถกเถียงกันกว้างขวาง ขณะที่ในด้านกฎหมาย แม้คำตอบจะคือ “ส่วนใหญ่แล้วทำได้” แต่ก็ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและต้องนึกถึงอยู่ด้วย เช่น กฎหมาย “สิทธิในการเผยแพร่ภาพลักษณ์” (right of publicity) ซึ่งหลาย ๆ รัฐในสหรัฐฯ ยังพัฒนากันอยู่ โดยกฎหมายเหล่านี้อาจจะจำกัดการใช้ภาพ เสียง หรือบุคลิกลักษณะของบุคคลจริง ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า นอกจากนั้น ในสหรัฐฯ ยังมีกฎระเบียบขององค์กรวิชาชีพ เช่น สมาคมนักแสดง (SAG-AFTRA) ที่เกี่ยวกับประเด็นนี้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทำหนังต้องศึกษาเช่นกันเพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้องในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ สหรัฐฯ มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงออก (First Amendment) อยู่ด้วย กฎหมายของบางรัฐ (เช่น แคลิฟอร์เนีย) จึงอนุญาตให้คนทำหนังสร้างภาพจำลองบุคคลแบบดิจิทัลได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าตัว หากเป็นกรณีที่เป็นประโยชน์สาธารณะ หรือมีวัตถุประสงค์ในการแสดงความคิดเห็น วิจารณ์ งานวิชาการ เสียดสี หรือเมื่อใช้เป็นคลิปแค่สั้น ๆ หรือใช้เพื่อเป็นตัวแทนของบุคคลนั้น กรณีที่บุคคลนั้นปรากฏตัวเป็นตัวเองในสารคดี หรือใช้โดยปรุงแต่งให้ภาพมีลักษณะสมมติปนอยู่บ้าง ไม่จงใจให้คนดูเข้าใจผิดว่าเป็นภาพตัวจริง เป็นต้น
ส่วนในบริบทของประเทศไทย ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงร่างหลักการกฎหมายการใช้ AI จึงยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจน แต่ในไทยก็มีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งคนทำสารคดีควรศึกษาทำความเข้าใจเช่นกัน
โครงการพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านภาพยนตร์สารคดี
ได้รับการส่งเสริมจาก กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
Documentary Club is a group of film lovers dedicated to creating diverse spaces in Thailand for alternative films, especially documentaries. We do this by distributing films through various channels, organizing film screenings, hosting film festivals, and arranging discussion forums, in collaboration with partners from both the film industry and social sectors across the country.
Movies Matter Co.,Ltd.
Bangkok, Thailand