สรุปประเด็นสำคัญจากการสืบสวนของ World Press Photo :
1. ความเป็นมาของภาพนี้
ภาพอันโด่งดังนี้ถูกถ่ายเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1972 ขณะที่นักข่าวกว่าสิบคนมารวมตัวกันใกล้เมืองตรังบัง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไซ่ง่อน เพื่อรายงานการสู้รบอย่างหนักระหว่างกองทัพเวียดนามเหนือ (NVA) และกองกำลังเวียดนามใต้ (ARVN) การสู้รบรุนแรงปะทุขึ้นใกล้ ๆ ขณะที่นักข่าว ช่างภาพ และทีมโทรทัศน์ตั้งตำแหน่งที่ด่านตรวจทางทหารริมทางหลวงหมายเลข 1 ซึ่งพลเรือนและทหาร ARVN จากกองพลที่ 25 ได้รวมตัวกัน พวกเขาเห็นเครื่องบิน A-1 Skyraider จากฝูงบิน 518 ของกองทัพอากาศเวียดนาม ทิ้งระเบิดนาปาล์มลงมาโดยพลาดเป้าหมาย ถูกกำลังพลของตัวเองและพลเรือนที่พยายามหนีการสู้รบ ในกลุ่มเด็กที่หนีมามี ฟาน ถิ คิม ฟุก อายุเก้าขวบด้วย ภาพของเด็กหญิงที่เปลือยกายกำลังร้องไห้และถูกสะเก็ดไฟอย่างรุนแรง เป็นภาพที่บันทึกความสยดสยองของสงคราม ภาพนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกและส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อมุมมองของคนทั่วโลกที่มีต่อสงคราม
2. วิธีการสืบสวน
World Press Photo สั่งการให้มีการวิเคราะห์เชิงสืบสวน โดยให้ความสำคัญกับภาพถ่ายและวัสดุฟิล์มมากกว่าคำให้การของพยานที่เล่าย้อนหลัง แม้จะนำคำให้การเหล่านั้นมาพิจารณาด้วยก็ตาม พยานและแหล่งข้อมูลที่เป็นไปได้หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว
ขั้นตอนสำคัญในการประเมินผู้ถ่ายภาพคือ การระบุว่าใครอยู่ในที่เกิดเหตุ การโจมตีด้วยนาปาล์มและเหตุการณ์ที่ตามมาถูกบันทึกภาพไว้โดยกลุ่มนักข่าวขนาดใหญ่ มีการระบุตัวบุคคล 16 คนในที่เกิดเหตุ รวมถึงช่างภาพ ทีมโทรทัศน์อย่างน้อยสามทีม และนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่รายงานการสู้รบในและรอบ ๆ ตรังบังในวันนั้น
การยืนยันว่าใครอยู่ในที่เกิดเหตุและอยู่ตำแหน่งไหน เป็นพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์หลักฐานทางภาพและประเมินข้อกล่าวอ้างเรื่องผู้ถ่ายภาพที่ขัดแย้งกัน มีการตรวจสอบข้อมูลจากหอจดหมายเหตุข่าว ภาพถ่าย ฟุตเทจฟิล์ม และบันทึกส่วนตัว มีการสร้างไทม์ไลน์บนพื้นฐานทางภูมิศาสตร์โดยใช้ภาพและภาพถ่ายดาวเทียม มีการประเมินด้านเทคนิค รวมถึงรุ่นกล้องและรอยบากในคอนแท็กชีต และรวบรวมข้อเสนอแนะตลอด 5 เดือนจาก AP, INDEX (*กลุ่มนักวิจัยในปารีส ซึ่งเป็นคนวิจัยภาพนี้ให้กับสารคดีเรื่อง The Stringer), คนทำหนัง และผู้เชี่ยวชาญภายนอกด้านการถ่ายภาพและการวิจัยเอกสาร
3. ประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
3.1 ตำแหน่งของอึ๊ต
ข้อค้นพบชี้ว่า เหงวียน แท่ญ เหงะน่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กว่าทั้งในแง่เวลาและสถานที่ที่ถ่ายภาพ มีภาพยืนยันตำแหน่งของอึ๊ตก่อนและหลังถ่ายภาพนี้ที่แสดงว่าเขาอยู่ไกลกว่าเหงวียน
INDEX และ AP เห็นตรงกันว่า อึ๊ตอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุ (เมื่อดูจากตำแหน่งที่เขาปรากฏตัวครั้งแรกในฟิล์ม หลังจากถ่ายภาพแล้ว) การจำลองของ INDEX ชี้ว่าเป็นไปได้ยากมากที่เขาจะถ่ายภาพดังกล่าวได้ เพราะแปลว่าเขาต้องวิ่งไกลถึง 60 เมตรแล้วกลับมาจุดเดิมได้ทันภายในช่วงเวลาสั้น ๆ
ทาง AP โต้แย้งความถูกต้องของตัวเลข 60 เมตรนี้ และกล่าวว่าระยะทางจริงสั้นกว่านั้น พวกเขาโต้แย้งว่าการเคลื่อนที่ของอึ๊ตเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพียงแต่ไม่มีฟุตเทจหรือภาพที่ใครถ่ายไว้ให้เห็น
ส่วนการวิเคราะห์ของ World Press Photo พบว่าการเคลื่อนที่นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าระยะทางจะเป็น 30 เมตรหรือ 60 เมตร อย่างไรก็ตาม มันก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน ยังไม่มีหลักฐานจึงยังต้องเปิดคำถามนี้กว้างไว้ก่อน
3.2 เบาะแสทางเทคนิค
ข้อค้นพบของ AP เรื่องที่ว่าภาพนี้ถ่ายโดยการใช้กล้อง Pentax ซึ่งสอดคล้องกับอุปกรณ์ของเหงวียน ขณะที่อึ๊ตนั้นเคยอธิบายไว้อย่างเปิดเผยกว้างขวางไปแล้วว่า เขาใช้ Leica สองตัวและ Nikon อีกสองตัว สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการเป็นผู้ถ่ายภาพของเขาและสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของเหงวียน
3.3 ผู้ถ่ายภาพที่เป็นไปได้อีกคน
ปัจจัยสำคัญสำหรับ World Press Photo คือการสืบสวนโดยสำนักข่าว AP นั้นเผยด้วยว่า การถกเถียงเรื่องผู้ถ่ายภาพอาจไม่จำกัดอยู่แค่ช่างภาพ 2 คนนี้ แต่ยังมี เหวียนกงฟุก ช่างภาพทหารชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าส่งภาพให้สำนักข่าวเช่นกันและไม่เคยถูกตรวจสอบต่อสาธารณะมาก่อน ฟุกเคยถูกระบุตัวผิดว่าเป็นอึ๊ตในอดีต และตัวเขาก็ปรากฏให้เห็นในฟุตเทจวิดีโอในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด ทั้งในแง่เวลาและพื้นที่กับมุมมองโดยประมาณของภาพ Napalm Girl
(เอกสารต้นฉบับ : Summary of investigative analysis)
โครงการพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านภาพยนตร์สารคดี
ได้รับการส่งเสริมจาก กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม