
Spettacolo
ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในอิตาลี เศรษฐกิจที่ถดถอยฉับพลันส่งผลให้ชาวบ้านต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนับจากนั้น พวกเขาตัดสินใจสะท้อนมันออกมาผ่าน “ละครเวที”
ภาพยนตร์สุดคลาสสิก ผลงานประวัติศาสตร์ที่นำพาคนทั้งโลกเข้าสู่ “พระราชวังต้องห้าม” เพื่อติดตามชีวิตอันแสนสะเทือนหัวใจของ ผูอี้ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของแผ่นดินจีน ตั้งแต่วันขึ้นครองราชย์หลังยุคสมัยของซูสีไทเฮา ช่วงวัยเด็กที่ต้องเรียนรู้และเติบโตภายในพระราชวัง ช่วงปกครองแมนจูกัว จวบจนบั้นปลายที่ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน
นอกเหนือจากเรื่องราวยิ่งใหญ่ที่ถูกถ่ายทอดอย่างทั้งอลังการและละเมียดละไม The Last Emperor ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 9 สาขาและกวาดมาทั้งหมด! ตั้งแต่สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับ (แบร์นาโด แบร์โตลุชชี), บทดัดแปลง, กำกับภาพ, ลำดับภาพ, ออกแบบเครื่องแต่งกาย, บันทึกเสียง, กำกับศิลป์ และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม (ริวอิจิ ซากาโมโตะ, เดวิด เบิร์น, ซูชง)
เมื่อครั้งที่ The Last Emperor ออกฉายในโรงสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรกนั้น มันมีความยาว 163 นาที แต่ฉบับที่ฉายในสหรัฐอเมริกา เป็นฉบับยาว 218 นาที โดยค่ายผู้จัดจำหน่ายสร้างจุดขายว่าเป็น “ฉบับ Director’s Cut” ซึ่งด้วยจุดขายนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันทั่วไปว่า นี่คือฉบับออริจินัลที่ผู้กำกับ แบร์นาโด แบร์โตลุชชี ตั้งใจจะทำ ส่วนฉบับ 163 นาทีเป็น “ฉบับที่โดนตัด”
จนกระทั่งปี 2008 ที่ Criterion ออกดีวีดีและบลูเรย์ ความจริงจึงเปิดเผยจากการให้สัมภาษณ์ของแบร์โตลุชชี่และผู้กำกับภาพ วิตโตริโอ สโตราโร เองว่า ฉบับยาวนั้นพวกเขาเพิ่มฉากเล็กฉากน้อยใส่เข้าไปเพื่อให้มันยาวพอจะแบ่งฉายเป็นมินิซีรีส์ 4 ตอนจบทางทีวีได้ ตามความต้องการของสถานีทีวีในอิตาลีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้ทุนของหนัง และทั้งสองยืนยันด้วยว่า หากจะถามว่าฉบับไหนกันแน่คือ “Director’s Cut ของจริง” และเป็นฉบับที่พวกเขาพอใจมากที่สุด มันย่อมคือฉบับความยาว 163 นาทีนี้เอง
This sweeping account of the life of Pu-Yi, the last emperor of China, follows the leader’s tumultuous reign. After being captured by the Red Army as a war criminal in 1950, Pu-Yi recalls his childhood from prison. He remembers his lavish youth in the Forbidden City, where he was afforded every luxury but unfortunately sheltered from the outside world and complex political situation surrounding him. As revolution sweeps through China, the world Pu-Yi knew is dramatically upended.
รางวัล

ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในอิตาลี เศรษฐกิจที่ถดถอยฉับพลันส่งผลให้ชาวบ้านต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนับจากนั้น พวกเขาตัดสินใจสะท้อนมันออกมาผ่าน “ละครเวที”

สารคดีสุดอื้อฉาวที่เปิดโปงอดีตโหดร้ายในอินโดนีเซียยุคล่าคอมมิวนิสต์ ด้วยวิธีการหลอกล่อเหล่าฆาตกรให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเล่าสิ่งที่เคยทำไว้ให้ชาวโลกได้รู้ผ่านการ “แสดงหนัง”

ครั้งแรกกับการเปิดเผยโฉมหน้า 8 พลเมืองผู้วางแผนบุกเอฟบีไอเขย่ารัฐบาลอเมริกันให้สะเทือน

การต่อสู้เรียกร้องให้สถาปัตยกรรมได้รับการคุ้มครองในฐานะมรดกทางวัฒนธรรม และเครื่องหมายทางอัตลักษณ์ของมนุษยชาติ เพื่อจะรอดพ้นการถูกทำลายในวิกฤติความขัดแย้ง
คนทุกคนมี “คิเมร่า” เป็นของตัวเอง และคนทุกคนใฝ่ฝันอยากครอบครองมัน… แต่ยากนักที่จะหามันพบ สำหรับเหล่าโจรปล้นสุสานเพื่อขโมยวัตถุและสิ่งสวยงามมหัศจรรย์ทางโบราณคดี คิเมร่าหมายถึงความฝันที่จะได้ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว และสำหรับชายหนุ่มชื่ออาร์เธอร์ คิเมร่าอาจหมายถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ซึ่งบัดนี้เขาได้สูญเสียเธอไปแล้ว
เจ้าของรางวัล Cinematic Innovation จากเทศกาลหนังซันแดนซ์ ที่นำฟุตเตจจำนวนมหาศาลจากคลังมาจัดการเล่าหลากหลายเส้นเรื่องอย่างชาญฉลาด ผูกร้อยประวัติศาสตร์การเมืองโลกอันร้อนระอุในทศวรรษ 60 เข้ากับดนตรีและความรุนแรงได้อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ระหว่างการถูกกักบริเวณในบ้านที่ปักกิ่ง “อ้ายเว่ยเว่ย” ศิลปินจีนผู้โด่งดังได้จัดแสดงงานชิ้นสำคัญขึ้นที่อดีตคุก “อัลคาทราซ” โดยผู้เยี่ยมชมจะสามารถเขียนข้อความส่งกำลังใจให้แก่เหล่านักกิจกรรมที่ถูกจับกุมทั่วโลก

เรื่องราวหลากหลายแง่มุมสุดท้าทายของผลงาน “แบงค์ซี” สตรีตอาร์ตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นงานเถื่อนใต้ดิน แต่กลับกลายผันตัวเป็นงานราคาแพงหูฉี่ที่ถูกค้าขายกันในตลาดมืดอย่างน่ากังขา