
ผู้กำกับ Collective เมินรัฐ-ปฏิเสธรางวัลแห่งชาติ!
“รัฐไม่เคยเยียวยาวงการศิลปวัฒนธรรม ดังนั้นผมจะไม่หักหลังเพื่อนพ้องร่วมอาชีพ ด้วยการไปแอ่นอกให้รัฐติดเข็มเชิดชูหรอก!”
1 ชม. 17 นาที / เดนมาร์ก / 2021 / กำกับ: อันเดรียส ดาลสการ์ด
1h 17min / Denmark / 2012 / Director: Andreas Dalsgaard
50% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ใน “เมือง” และจะเพิ่มเป็นถึง 80% ภายในปี 2050 แต่เราพัฒนาเมืองให้เหมาะสมกับมนุษย์จริงหรือ? หนังสำรวจการพัฒนาในเดนมาร์ก, แอลเอ, นิวยอร์ก, จีน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และอินเดีย พร้อมเสนอแนวคิดใหม่ผ่านสายตาสถาปนิก ยาน เกห์ล ว่า เมืองที่เห็นค่าของผู้คนควรมีหน้าตาอย่างไร
50% of the world’s population lives in urban areas. By 2050 this will increase to 80%. Life in a mega city is both enchanting and problematic. Today we face peak oil, climate change, loneliness and severe health issues due to our way of life. But why? The Danish architect and professor Jan Gehl has studied human behavior in cities through 40 years. He has documented how modern cities repel human interaction, and argues that we can build cities in a way, which takes human needs for inclusion and intimacy into account. THE HUMAN SCALE meets thinkers, architects and urban planners across the globe. It questions our assumptions about modernity, exploring what happens when we put people into the center of our planning.
“รัฐไม่เคยเยียวยาวงการศิลปวัฒนธรรม ดังนั้นผมจะไม่หักหลังเพื่อนพ้องร่วมอาชีพ ด้วยการไปแอ่นอกให้รัฐติดเข็มเชิดชูหรอก!”
“หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดของวงการสื่อก็คือ พวกเขาเริ่มยอมรับ ‘ความไม่ปกติ’ ว่าเป็น ‘ความปกติ’ ยอมปกปิดความจริง ยอมประนีประนอมกับอำนาจ โดยไม่เคยรู้สึกผิดหรือรู้สึกโกรธอะไรเลย”
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในคลับ สู่การเปิดโปงความฉ้อฉลครั้งมโหฬารของระบบสาธารณสุขและรัฐบาล ที่เดิมพันด้วยชีวิตของประชาชนและจริยธรรมของ “สื่อมวลชน”
ประเด็นสำคัญในหนัง
ดูจบแล้วคุยอะไรกันดี
อีวา กรีน, ไมเคิล พิตต์ และ หลุยส์ การ์เรล …สามนักแสดงหนุ่มสาวผู้กล้าเปิดเปลือยตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงจิตวิญญาณ เพื่อสวมบทบาทนักปฏิวัติแห่งยุคสมัยในหนังร้อน!
สารคดีสำรวจการดิ้นรนต่อสู้ของคนเลี้ยงผึ้ง, นักวิทยาศาสตร์ และนักปรัชญาทั่วโลก ในการหาคำตอบว่าผึ้งมีความสำคัญอย่างไร พวกมันหายไปไหน อะไรคือสาเหตุ
“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ปรสิต เป็นสิ่งมีชีวิตไร้ค่า บางครั้งผมรู้สึกหมดหวัง แต่เพราะหนังเรื่องนี้ ผมจึงยังพอมีหวังอยู่”
“หนังของผมมักมีฉากรุนแรงจะแจ้ง เพราะความรุนแรงซึมซาบอยู่ในวัฒนธรรมของเรา” บงจุนโฮเล่าเบื้องหลัง Memories of Murder ที่เขาแปลงเรื่องจริงโหดเหี้ยมมาเป็นหนังระทึกขวัญสุดร้ายกาจ!
ติดตามหนึ่งปีในโรงเรียนประจำ ณ ไอร์แลนด์ ที่ซึ่งไม่เพียงสอนวิชาการ หากยังมีดนตรีร็อคแอนด์โรลล์และวรรณกรรมเป็นเครื่องมือชี้ชวนให้เด็กๆ ค้นพบหนทางของตัวเอง
“วิเวียน เวสต์วูด” โด่งดังก้องโลกในฐานะเจ้าแม่แฟชั่นพังค์ ผู้สุดจะแหกคอกตั้งแต่ด้านงานดีไซน์ ไปยันทัศนคติการใช้ชีวิต และการเป็นแอ็กติวิสต์ตัวเจ็บ แต่นี่คือหนังเรื่องแรกที่จะบอกเล่าการต่อสู้ทุกด้านอย่างแท้จริง ของหนึ่งในไอค่อนผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคสมัยคนนี้!
ระหว่างที่สามีเดินทางไปทำงานต่างเมือง กัมมีแก้เหงาด้วยกาเยี่ยมเยียนเพื่อนสาวสามคน การใช้เวลาสั้นๆ ร่วมกันของพวกเธอได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาซึ่งมีตั้งแต่เรื่องราวสัพเพเหระ ไปจนถึงการค้นพบบางสิ่งที่กัมมีไม่เคยใช้เวลาคิดถึง
ตามรายงานของสหประชาชาติ หนึ่งในสามของอาหารที่ถูกผลิตทั่วโลกนั้นลงเอยด้วยการเป็นขยะ เราจะหยุดยั้งปัญหาอาหารเหลือทิ้งเหล่านี้ได้อย่างไร
“วาล็องทีน” นักศึกษาและนางแบบสาวผู้กำลังว้าวุ่นกับความรักที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ขับรถชนหมาตัวหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ การช่วยเหลือมันไว้ชักพาให้เธอไปเกี่ยวพันกับผู้พิพากษาชราซึ่งใช้วันเวลาบั้นปลายชีวิตอย่างขมขื่น
ร็อบบี้ มึลเลอร์ เป็นผู้กำกับภาพของภาพยนตร์กว่า 70 เรื่อง โดดเด่นที่สุดจากการร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง วิม เวนเดอร์ส, จิม จาร์มุช และลาร์ส ฟอนเทรียร์ สายตา การวางกรอบภาพ ตลอดจนการใช้แสงของเขาส่งอิทธิพลต่อคนทำหนังทั้งรุ่น
หนังเดือดพล่านที่ไมเคิล มัวร์ค้นหาคำตอบว่า อเมริกามาถึงจุดที่เลือกโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีได้อย่างไร และด้วยวิธีไหนจึงจะหลุดพ้นจากยุคสมัยดำมืดนี้ไปได้?
แกร์ฮาร์ด ชไตเดิล คือเจ้าของสำนักพิมพ์เก่าแก่ในเยอรมนีผู้เลื่องชื่อด้านความรักในการออกแบบและการจัดพิมพ์หนังสือ เขามีวิธีคิดและวิธีรักษาคุณค่าของ “สื่อเก่า” ชนิดนี้ไว้ได้อย่างไรในโลกที่ใครๆ ก็บอกว่า “สิ่งพิมพ์ตายแล้ว”?
รางวัล
ก่อนหน้าจะได้เจอเจอาร์นั้น อานเญส วาร์ดาเคยเปรยเรื่องการเลิกทำหนัง เพราะวัยทำให้เธอเริ่มหมดความคล่องแคล่วและหมดไฟ แต่แล้วการได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับศิลปินรุ่นหลานที่รักในสิ่งเดียวกัน ทั้งการถ่ายภาพ การเดินทาง และการพบปะผู้คน ก็ทำให้วาร์ดาเกิดไฟสำหรับการสร้างงานและความคิดสร้างสรรค์ขึ้นอีกครั้ง ผลแห่งการตัดสินใจมาร่วมกันทำโปรเจ็กต์สำคัญทำให้เธอมีความสุข และความสุขนั้นก็ปรากฏอย่างชัดเจนบนจอจนเราในฐานะผู้ชมสามารถรับรู้ได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงเท่านั้น การเดินทางไปยังเมืองเล็กต่าง ๆ ของทั้งสอง ก็ยังทำให้พวกเขาได้พบคนที่แม้จะอยู่ท่ามกลางอุปสรรคแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นเพื่อนมนุษย์ที่มีความภาคภูมิใจในชีวิตตนเอง พลังเหล่านี้ถูกถ่ายทอดอย่างท่วมท้นในหนังและน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมได้อย่างดี
ภาพถ่ายบนผนังขนาดยักษ์ของเจอาร์นั้นทรงพลังด้วยใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของผู้คน ที่มักเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยไร้ปากเสียงในสังคม และไม่เคยคาดหวังว่าตนจะสามารถปรากฏต่อหน้าคนอื่น ๆ อย่างโดดเด่นได้ถึงขนาดนี้ นี่คือพลังประการแรกของ “ภาพ” ที่เราได้เห็นในหนัง
ประการต่อมา เมื่อเจอาร์ได้มาทำงานกับวาร์ดา แนวคิดของภาพของเขาก็ขยายขอบเขตออกไปอีก เพราะวาร์ดาชี้ชวนให้เขาเริ่มจับจ้องคนที่มี “เรื่องราวหนหลัง” โดยเฉพาะเรื่องราวของการต่อสู้ การผ่านประสบการณ์ทั้งทุกข์และสุข การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ฯลฯ ซึ่งทำให้ภาพของคนที่ทั้งสองเลือกถ่ายหรือสร้างขึ้นยิ่งมีพลังจับใจเรามากขึ้นอีก
และท้ายที่สุด งานกำกับภาพของหนังเองก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขณะที่เจอาร์ใช้กล้องของเขาถ่ายคน กล้องของหนังก็ถ่ายอากัปกิริยาของผู้คนแวดล้อม ของตัวเจอาร์ ตัววาร์ดา ธรรมชาติ และสิ่งที่รายล้อม ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของชีวิตมนุษย์
ความงดงามอย่างหนึ่งของงานศิลปะแบบเจอาร์ก็คือ มันเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมากตั้งแต่ในกระบวนการสร้างงานจนถึงการจัดแสดง หลาย ๆ ครั้งงานของเขาปรากฏตามพื้นผิวขนาดใหญ่โดยไม่มีคำอธิบาย เปิดพื้นที่ให้ผู้พบเห็นได้พยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเอง และบ่อยครั้งความเข้าใจเหล่านั้นก็ไม่ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับศิลปะที่ลึกซึ้ง แค่อาศัยประสบการณ์และใจที่เปิดกว้างของผู้ชม ดังที่เราได้เห็นชาวบ้านมากมายในหนังเรื่องนี้เกิดความดื่มด่ำกับภาพที่เห็นโดยไม่ต้องให้ใครมาอธิบายความหมายของมัน
ผลงานของเจอาร์กับวาร์ดาโดดเด่นในประเด็นนี้มาก่อนแล้วทั้งคู่ แน่นอนว่าเมื่อพวกเขามาทำงานด้วยกัน ประเด็นดังกล่าวก็ยิ่งฉายชัด การเดินทางไปถ่ายภาพตามสถานที่ต่าง ๆ ของทั้งสองจึงทำให้เราได้รับฟังเรื่องราวของชาวบ้านผู้ใช้แรงงานหลากหลายอาชีพ ซึ่งล้วนมีความทรงจำและความภาคภูมิต่อประวัติศาสตร์ของตน พวกเขาอาจไม่ใช่คนยิ่งใหญ่โด่งดัง แต่พวกเขาคือบุคคลสำคัญที่หนังไม่ยอมมองข้าม และทำให้เรารู้สึกเคารพรัก
สองศิลปินที่อายุห่างกันถึง 55 ปี มาเดินทางด้วยกันแล้วสร้างหนังมาสเตอร์พีซอบอุ่นหัวใจที่คนทั้งโลกหลงรักเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ก่อนมาร่วมงานกับ อานเญส วาร์ดา ใน Faces Places เจอาร์เป็นใครทำอะไรมาก่อน? ขอแนะนำให้คุณรู้จัก 10 เรื่องเบื้องต้นของศิลปินหนุ่มสุดเจ๋งคนนี้
ดรีส แวน โนเทน คือผู้ได้รับการยอมรับจากคนรักแฟชั่นทั่วโลกในฐานะ “ดีไซเนอร์อิสระที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งยุค”!
ติดตามการทำงานเปี่ยมชีวิตชีวาของตากล้องวัย 86 ปีชื่อดังเจ้าของผลงานคุ้นตาคนทั้งโลก
เรื่องราวหลากหลายแง่มุมสุดท้าทายของผลงาน “แบงค์ซี” สตรีตอาร์ตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นงานเถื่อนใต้ดิน แต่กลับกลายผันตัวเป็นงานราคาแพงหูฉี่ที่ถูกค้าขายกันในตลาดมืดอย่างน่ากังขา
“ฮิเดะ” จากแฟนๆ ไป 20 ปีเต็มแล้ว แต่เรื่องราวของเขาอีกมากมายที่ยังคงเฝ้ารอการค้นพบ
การได้ชิงออสการ์เป็นความฝันของคนทำหนังมากมาย แต่ อานเญส วาร์ดา ไม่คิดงั้นเมื่อได้ยินว่า Faces Places เป็น 1 ใน 5 สารคดีที่มีสิทธิลุ้นออสการ์ประจำปี 2018!
พลังแห่งเสียงดนตรีพื้นบ้านผสานดนตรีแจ๊สที่ข้ามผ่านทุกความแตกต่างของมนุษย์
สารคดีสุดตรึงใจ ติดตามชีวิตของผู้สูงวัยสองคนที่ดำเนินชีวิตบั้นปลายด้วยกันอย่างเงียบสงบในบ้านหลังเล็กซึ่งเต็มไปด้วยพืชผักนานาชนิดที่ถูกเพาะปลูกด้วยความรักและความเคารพต่อธรรมชาติ
อาแลง ดูกัสส์ เป็นเชฟและครูสอนทำอาหารที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก, เป็นเจ้าของภัตตาคารหรูในสารพัดประเทศและครอบครองดาวมิชลินถึง 18 ดวง แต่เหตุใดเขาจึงยังไม่หยุดค้นหา? อะไรกันแน่คือเป้าหมายแห่งอาชีพของเขา?
documentaryclubthai@gmail.com
Movies Matter Co.,Ltd© All Rights Reserved 2022
subscribe to newsletter to stay up to date with our films & events