The Dreamers เป็นหนังเรื่องแรกของ อีวา กรีน ซึ่งทำให้เธอแจ้งเกิดทันทีในวัย 23 ปี ด้วยบท “อิซาเบลล์” สาวลูกครึ่งฝรั่งเศส-อังกฤษผู้เก็บงำความในใจลี้ลับไว้ภายใต้บุคลิกร้อนแรง
“2 ปีก่อนหน้า The Dreamers ฉันเคยไปแคสติ้งหนังเรื่อง CQ ของ โรมัน คอปโปลา (ลูกชายฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ผู้กำกับ The Godfather) แต่ผลออกมาอุบาทว์มาก ฝ่ายแคสติ้งเขาไม่เลือกเพราะคิดว่าฉันดู ‘เศร้าสลดเกินไป’ ไม่เหมาะกับหนัง บ้าปะล่ะ
ตอนนั้น เขาใช้วิธีสัมภาษณ์ฉันต่อหน้ากล้อง โดยให้พูดเรื่องเซ็กซ์, เรื่องหนัง, เรื่องการเมือง และก็ถามว่าฉันยินดีแก้ผ้าในหนังมั้ย (หัวเราะ) แต่ต่อมา แบร์นาโด แบร์โตลุชชี่ ได้เห็นเทปแคสติ้งนี่ ก็เลยเรียกฉันไปคุย แล้วก็ให้ลองแสดงอิมโพรไวส์เป็นพี่น้องกับ หลุยส์ การ์เรล ทั้งๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ เพราะเขาอยากเห็นว่าฉันจะเหมาะกับตัวละครอิซาเบลล์ไหม ฉันดูเป็นผู้หญิงที่มีความลับซ่อนเร้นมั้ย
จากนั้น เราสองคนก็ไปสกรีนเทสต์กันอีกที่ลอนดอน กับ เจค จิลเลนฮาล ซึ่งมาแคสติ้งบทแม็ตธิว (บทนักศึกษาอเมริกัน ที่ต่อมา ไมเคิล พิตต์ ได้บทไป) แต่เจคถอนตัวไปซะก่อน เข้าใจว่าทนายหรือเอเย่นต์ของเขานี่แหละไม่อยากให้เขาแก้ผ้าในหนัง เพราะมันจะส่งผลร้ายต่ออาชีพนักแสดงของเขา ฉันว่าที่เป็นแบบนี้เพราะคนอเมริกันเป็นพวกพิวริตันกันเยอะ ถ้านักแสดงคนไหนเปลือยด้านหน้าให้เห็นในหนัง สังคมก็จะมองว่าเขาต้องเป็นดาราโป๊หรืออะไรสักอย่าง
ประหลาดจริงๆ ฉันไม่เข้าใจวิธีคิดแบบนั้นเลย ทีหนังที่เต็มไปด้วยฉากรุนแรงโหดร้าย เขาคิดว่าไม่เป็นไร แต่ถ้ามีฉากโป๊ปุ๊บ คือผิดบาปทันที ตลกดีเนอะ”
The Dreamers ดัดแปลงจากนวนิยาย The Holy Innocents ของ กิลเบิร์ต อาแดร์ นักเขียน กวี และนักวิจารณ์หนัง โดยอาแดร์ตามไปเขียนบทหนังร่วมกับแบร์โตลุชชี่ แถมยังได้รับชวนไปนั่งข้างๆ แบร์โตลุชชี่ตอนถ่ายทำด้วย
“ยิ่งได้เห็นการทำงานของเขา ผมก็ยิ่งนับถือเขา” อาแดร์บอกไว้ และยกตัวอย่างหนึ่งในเหตุการณ์ที่เขาประทับใจมากว่า
“ผมกับแบร์นาโดถกเถียงแลกเปลี่ยนกันลงลึกทุกๆ ประเด็น หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องจิตวิทยาของตัวละครอิซาเบลล์ที่เราคุยกันละเอียดมากๆ แต่พอถึงวันถ่ายทำฉากสำคัญ เราสองคนก็ต้องเจอการประท้วงเล็กๆ ในกองถ่าย โดยอีวา กรีน
เธอมาถึงกองแล้วอธิบายความคิดยาวเหยียด ก่อนจะสรุปว่า แบร์นาโดกับผมเข้าใจตัวละครผิด อิซาเบลล์ไม่มีวันทำแบบที่ในบทหนังเขียนไว้เด็ดขาด …และอีวาก็จะไม่มีวันแสดงแบบนั้นให้เราด้วย!
ถ้าเป็นกองถ่ายทั่วไป แบร์นาโดคงจะหันไปคำรามใส่เธอ ตะคอกว่าไม่ใช่กงการของเธอที่จะมารู้ดีว่าตัวละครควรหรือไม่ควรทำอะไร เธอเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ที่ควรสำเหนียกในความโชคดีที่ได้มาทำงานกับผู้กำกับใหญ่ระดับนี้ ควรขอโทษแล้วก้มหน้าทำตามคำสั่งไปซะ ฯลฯ ทว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เป็นงั้นเลย
แบร์นาโดกับผมฟังอีวา แล้วเราก็มาถกกันต่อจนสรุปได้ว่า ถ้านักแสดงของเรารู้สึกกับตัวละครชัดเจนขนาดนี้ มันอาจแปลว่าพวกเขาจมลึกและ “ใช้ชีวิต” กับตัวละครเต็มที่จนเข้าใจมันดียิ่งกว่าเราเสียแล้ว อีวามิได้ “กลายเป็น” อิซาเบลล์ในแง่ที่จะมาทำหน้าทำท่าแสดงความเป็นอิซาเบลล์ให้ใครเห็น แต่เธอเกิดความผูกพันลึกซึ้งเข้าถึงตัวละครนี้ในแบบที่แบร์นาโดและผมคงไม่มีวันทำได้
ด้วยเหตุนั้น เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนบทตามความเห็นของเธอ เราเชื่อในการตัดสินใจของเธอ …และนี่คือหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า ทั้งสามนักแสดงรุ่นเยาว์ของเราคือมืออาชีพ และหนังเรื่องนี้คือมาสเตอร์พีซ”
“เขางามอย่างกับเทวดา แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็มีด้านที่สุดจะมืดหม่นและรุนแรง” อีวา กรีน พูดถึง ไมเคิล พิตต์ ผู้ได้รับเลือกในวัย 22 ปีให้มารับบท “แมตทิว” ใน The Dreamers (นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกันที่ได้ “เรียนรู้ชีวิตที่แท้จริง” ผ่านหนึ่งฤดูกาลอันยากจะลืมในปารีส) แทนที่ เจค จิลเลนฮาล ซึ่งปฏิเสธบทไปเพราะไม่อยากเปลื้องผ้าหน้าจอ
พิตต์บ้าบิ่นขนาดไหน เห็นกันได้ในหนัง แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ เขามากองถ่ายก่อนหน้าเปิดกล้องแค่ 2 วัน!, ต้องเข้าฉากกับกรีนและ หลุยส์ การ์เรลล์ อย่างสนิทสนมทันทีทั้งๆ ที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนเลย! แถมเขายังเพิ่งได้อ่านบทของตัวเองก็ตอนนั่งให้ช่างทำผมเตรียมเข้าฉากนั่นแหละ!
“ฉันประทับใจสุดๆ” กรีนบอก “ตัวฉันผ่านการแสดงละครเวทีมาก่อน ต้องท่องบทนานเป็นเดือน ไม่เคยมีความมั่นใจว่าจะอิมโพรไวส์ได้ แต่ไมเคิลทำได้ทันทีทันใด ความสดของเขาเลยลงตัวมากๆ กับตัวละครแมตทิวที่เพิ่งก้าวมาสู่โลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย”
เมื่อถามถึงการแสดงฉากเซ็กซ์ พิตต์ตอบว่า “ผมกังวลแน่นอนครับ มันยากนะสำหรับนักแสดงอเมริกัน เป็นเรื่องเสี่ยงต่ออาชีพด้วย เพราะสังคมอเมริกันจะไม่มองว่านี่เป็นงาน แต่มองเหมือนเรากำลังเล่นหนังโป๊ ทุกครั้งที่ผมกังวลประเด็นนี้ ผมก็จะเตือนตัวเองว่า บางทีผมอาจกำลังเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่จะช่วยเปลี่ยนทัศนคติเหล่านั้นก็ได้เพราะผมไม่เห็นด้วยกับมันอย่างสิ้นเชิง
“เราทำหนังที่มีฉากคนจ่อปืนระเบิดสมองกันได้ แต่กลับทำหนังที่โชว์เรือนร่างมนุษย์ไม่ได้ นี่มันสะท้อนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมอเมริกันได้น่าคิดดีนะ”
ในยุค 60 ฟิลลิปป์ การ์เรล เป็นคนทำหนังฝรั่งเศสร่วมกลุ่ม French New Wave ด้วยการทำหนังสะเทือนวงการอย่าง Marie for Memory (1967) และ Anémone (1968) …และ 3 ทศวรรษต่อมา หลุยส์ การ์เรล ลูกชายวัย 20 ปีของเขาก็สร้างปรากฏการณ์ให้วงการหนังไม่แพ้กัน แต่เป็นในฐานะนักแสดงนำใน The Dreamers (2003) หนังสุดอื้อฉาวของ แบร์นาโด แบร์โตลุชชี่!
ด้วยใบหน้าคมคาย บวกสายตาเย่อหยิ่ง และความกล้าเปลือยกายต่อหน้ากล้องแบบไม่เสียเวลาเขิน หลุยส์จึงเป๊ะมากๆ กับบท “เทโอ” แฝดพี่ของ “อิซาเบลล์” (อีวา กรีน) ทายาทของกวีชื่อดังผู้ยังจมปลักอยู่กับความสำเร็จในอดีต เขาเป็นวัยรุ่นในฝรั่งเศสยุค 60 ซึ่งสังคมโลกกำลังเปลี่ยนผ่าน คนหนุ่มสาวกำลังเรียนรู้การลุกขึ้นท้าทายอำนาจเก่า โดยมี “การประท้วง” และ “เซ็กซ์” เป็นเครื่องมือสำคัญของการปฏิวัติ
“ตอนอายุ 15-16 ผมกำลังอยู่ในช่วงฝันเฟื่อง ใช้เวลาไปกับจินตนาการ” หลุยส์เล่า “ผมไม่ชอบยุคสมัยที่ผมอยู่เท่าไหร่ ผมคลั่งไคล้ยุค 60-70 มากๆ เพราะงั้นตอนที่แบร์โตลุชชี่ยื่นบทเทโอให้ผม ผมจึงไม่ลังเลเลย”
นอกจากประเด็นเรื่องเพศที่ร้อนแรงดุเดือด The Dreamers ยังวิพากษ์การเมืองฝรั่งเศสในยุคนั้นอย่างเปิดเผย “เทโอทะเลาะกับพ่อ เพราะเขาอยากลงไปต่อสู้บนถนนร่วมกับกองทัพนักศึกษา แต่พ่อของเขาเป็นกวีที่ดูถูกดูแคลนอุดมการณ์แบบนี้ นอกจากนั้นตัวเขายังมีน้องสาวฝาแฝดที่สนิทกันมาก เทโอไม่อาจออกไปต่อสู้ได้หากปราศจากเธอ แต่ก็รู้ดีว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับเธอเหมือนกัน เขาจึงต้องเผชิญกับความคับข้องจากความรู้สึกขัดแย้งเหล่านี้”
“คนรุ่นผมไม่ค่อยรู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเหตุการณ์ปฏิวัติพฤษภา 1968 คืออะไร มันมีความหมายยังไงบ้าง” การ์เรลบอก “มันจึงจำเป็นมากที่เราจะต้องรู้ประวัติศาสตร์พวกนี้ และนั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้เราต้องทำหนังเรื่องนี้ออกมา”
Movies Matter Co.,Ltd / THAILAND
© All Rights Reserved 2024
subscribe to newsletter to stay up to date with our films & events