Lee Chang-dong: The Art of Irony
สารคดีที่จะทำให้เราได้รู้จักอีชางดงผ่านหนังทั้ง 6 เรื่องของเขา เรื่องราวที่เขาอยากเล่า โลกที่เขาซึมซับ สัญลักษณ์และสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาใช้ ผ่านการอธิบายของอีชางดงและเพื่อนร่วมงานสำคัญตัวจริงเสียงจริง
(เกาหลีใต้ / 2002 / 2 ชั่วโมง 13 นาที / กำกับ: อีชางดง / แสดง: ซอล คยองกู, มุนโซริ)
‘ฮงจงดู’ ชายหนุ่มที่เพิ่งพ้นโทษจากคุกติดต่อครอบครัวของชายที่ตายเพราะน้ำมือเขา ในบ้านหลังนั้น เขาได้พบ ‘ฮันกงจู’ หญิงสาวที่เป็นอัมพาตเพราะโรคสมองพิการ ท่ามกลางสังคมที่ไม่เข้าใจและครอบครัวที่ไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างคนสองคนที่ถูกสังคมเขี่ยไปไว้ชายขอบก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
Oasis (2002) เป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 3 ของ อีชางดง ซึ่งไม่เพียงกวาดรางวัลจากสารพัดเวทีในเกาหลีอย่างบ้าคลั่ง แต่ยังทำให้เขาก้าวขึ้นสู่สถานะคนทำหนังชั้นแนวหน้าของโลก เมื่อหนังได้เข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังเวนิส แล้วคว้ามาทั้งสาขาผู้กำกับ, นักแสดงนำหญิง และ Fipresci Prize
“บางคนถามผมว่าทำไมผมถึงชอบเล่าถึงตัวละครที่ต้องทนทุกข์ ผมรับรองว่าผมไม่ใช่คนชอบความรุนแรงหรอกนะครับ” อีชางดงอธิบาย “แต่เรื่องราวนี้พาเรากลับไปสู่ครอบครัวซึ่งเป็นแก่นหลักของหนังทุกเรื่องของผม ผมเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน และคุ้นเคยกับความทุกข์
“Oasis เป็นเรื่องราวของคู่รักพิการ ผู้หญิงคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวซึ่งเป็นโรคเดียวกับน้องสาวของผมเอง ผมไม่ได้เลือกตัวละครเพื่อจงใจให้เห็นถึงความทุกข์ แต่เป็นเพราะพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผม ตัวละครของผมมักจะต่อสู้ แต่เป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายใน เป็นการต่อสู้กับความอยุติธรรม อคติ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ
“ผมไม่คิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องเฉพาะของสังคมเกาหลีหรอกนะ คุณสามารถพบเจอมันได้ทุกที่ บางครั้งมันไม่ใช่ความรุนแรงโดยตรง แต่ฝังลึกอยู่ในชีวิตประจำวันของเราซึ่งทำให้ยิ่งยากและน่ากลัวมากขึ้น ผมอยากเล่าเรื่องของคนที่ต่อสู้กับความรุนแรงนี้และต้องการให้ผู้ชมรู้สึกถึงมัน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่บทเพลงสรรเสริญความรัก แต่เป็นคำเชิญชวนให้คุณตั้งคำถามว่า ความรักเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่ระหว่างตัวละครทั้งสอง ภายใต้ธรรมชาติของความเป็นชายที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
“ตัวละครของผมล้วนกำลังต่อสู้กับสงครามที่พวกเขาไม่มีวันชนะ ดังที่อริสโตเติลกล่าวไว้ มนุษย์มักจะทำสงครามที่ตนไม่สามารถชนะได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเรากำลังต่อสู้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกับพระเจ้า กับโชคชะตา กับเวลา หรือข้อจำกัดทางสังคม พวกเขายังคงต่อสู้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาจะชนะในวันหนึ่ง แต่เพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก”
(South Korea / 2002 / 2h 13m / Director: Lee Chang-dong / Stars: Sol Kyung-gu, Moon So-ri)
After serving time for killing a man in a hit-and-run car accident, Hong Jong-du (Sul Kyung-gu) is released with no money and nowhere to go. His family has abandoned him. While trying to make amends, he meets Han Gong-ju (Moon So-ri), his victim’s adult daughter. She is wheelchair-bound due to cerebral palsy and all but abandoned in a cheap apartment by her callous family. Gong-ju’s innate tenderness appeals to the uncontrollably impulsive Jong-du, and the pair begin an improbable relationship.
สารคดีที่จะทำให้เราได้รู้จักอีชางดงผ่านหนังทั้ง 6 เรื่องของเขา เรื่องราวที่เขาอยากเล่า โลกที่เขาซึมซับ สัญลักษณ์และสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาใช้ ผ่านการอธิบายของอีชางดงและเพื่อนร่วมงานสำคัญตัวจริงเสียงจริง
มิจาอาศัยอยู่กับหลานชายวัยมัธยมในเมืองเล็ก ๆ เธอได้เข้าเรียนวิชากวีนิพนธ์และได้รับโจทย์ให้ทดลองเริ่มเขียนบทกวีเป็นครั้งแรก แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ต้องเผชิญกับความเป็นจริงอีกบางอย่างซึ่งรุนแรงเกินจินตนาการ และทำให้เธอตระหนักว่าชีวิตอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
บนรางรถไฟ ชายวัย 40 นาม ‘ยองโฮ’ พยายามฆ่าตัวตาย… มันเกิดอะไรขึ้น? หนังพาเราย้อนสู่อดีตเพื่อเผยให้เห็นว่าประวัติศาสตร์และความรุนแรงทางการเมืองหล่อหลอมให้เขามาสู่จุดนี้ได้อย่างไร

นักเรียนมัธยมปลายถูกโรงเรียนส่งไปฝึกงานเพื่อแลกกับประสบการณ์การทำงาน “ในโลกแห่งความเป็นจริง” …สามเดือนต่อมา เธอฆ่าตัวตาย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนตีแผ่สภาพแวดล้อมการทำงานที่โหดร้ายในสังคมเกาหลีใต้
แม้เกาหลีใต้จะมีภาพลักษณ์เป็นสังคมร่ำรวยและทันสมัย แต่ยังคงถือเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างรุนแรงหากผู้หญิงตั้งท้องโดยยังไม่ได้แต่งงาน นั่นเป็นเหตุผลให้เด็กสาวจำนวนมากต้องออกจากระบบการศึกษาและถูกส่งตัวไปอยู่ในศูนย์พักพิงเพื่อปิดบังการตั้งครรภ์ไว้เป็นความลับไม่ให้เพื่อนฝูงญาติมิตรรู้
งานจำนวนมากที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้จะสูญหายไปภายในเวลาไม่กี่สิบปี เมื่อถึงวันที่เทคโนโลยีและเอไอเข้ามาแทนที่แล้วมนุษย์ไม่มีงานทำ …เราจะมีชีวิตกันต่อไปอย่างไร?
เรื่องของแม่คนหนึ่งที่โลกพลิกผันเมื่อลูกสาวเปิดใจว่าอยากเป็นผู้ชาย และแม่อีกคนหนึ่งที่ต้องเสียน้ำตาเมื่อลูกชายคนเดียวยอมรับว่าเป็นเกย์ …ท่ามกลางสังคมที่ยังไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ แม่ทั้งสองจะทำอย่างไรกับความผิดหวังครั้งใหญ่ของตัวเอง และความเจ็บปวดทุกข์ใจของผู้เป็นลูก?
ระหว่างที่สามีเดินทางไปทำงานต่างเมือง กัมมีแก้เหงาด้วยกาเยี่ยมเยียนเพื่อนสาวสามคน การใช้เวลาสั้นๆ ร่วมกันของพวกเธอได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาซึ่งมีตั้งแต่เรื่องราวสัพเพเหระ ไปจนถึงการค้นพบบางสิ่งที่กัมมีไม่เคยใช้เวลาคิดถึง

จากเรื่องสั้นของ ฮารูกิ มูราคามิ สู่ผลงานกำกับลือลั่นของ อีชางดง เรื่องราวของความสัมพันธ์แสนประหลาด-หลอกหลอน-ร้อนระอุ ระหว่างหนึ่งหญิง สองชาย และไฟที่แผดเผาทุกอย่าง!

เรื่องจริงเหลือเชื่อเมื่อสุดยอดคนทำหนังเกาหลีใต้ถูกคิมจ็องอิลลักพาตัวไป “พัฒนาวงการหนังเกาหลีเหนือ”!
หนังคลาสสิกขึ้นหิ้งขวัญใจคนดูหนังทั่วโลก ผลงานกำกับปี 2003 ของ บงจุนโฮ (เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Parasite) สร้างจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญช่วงปี 1986 – 1991 ณ เมืองเล็กๆ นอกกรุงโซล

สารคดีสุดเดือดพล่านที่พาเราไปดูความรุนแรงในระบบการศึกษา ผ่านเรื่องราวการ “สอบซูนึง” อันเลื่องชื่อของประเทศเกาหลีใต้

สารคดีเรื่องดังจากเกาหลีใต้ เรื่องของชายหนุ่มหญิงสาวผู้พิการที่ต้องรับมือกับข้อจำกัดทางกาย แล้วประคองทั้งความรักและความฝันเคียงข้างกัน
Documentary Club is a group of film lovers dedicated to creating diverse spaces in Thailand for alternative films, especially documentaries. We do this by distributing films through various channels, organizing film screenings, hosting film festivals, and arranging discussion forums, in collaboration with partners from both the film industry and social sectors across the country.
Movies Matter Co.,Ltd.
Bangkok, Thailand