“ทำไมหนังเกาหลีเหนือถึงเอาแต่เชิดชูอุดมการณ์ ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย
ทำแต่หนังบีบน้ำตาร้องไห้ร้องห่มกันทำไม หนังนะไม่ใช่งานศพ!
แล้วดูหนังเกาหลีใต้สิ เขาเก่งกันเหมือนเด็กมหา’ลัย ส่วนเราอย่างกับเด็กอนุบาล
วิธีเดียวที่จะทำให้หนังเกาหลีเหนือสู้ชาวโลกได้คือเราต้องชวนผู้กำกับที่เก่งที่สุดของเกาหลีใต้มาช่วย
…แต่ผมต้องทำยังไงให้เขายอมมา? ผมจะจูงใจเขาได้ยังไง?”
– คิมจ็องอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ
โลกรู้จัก “ท่านคิม” จากบทบาทการเป็นผู้นำเผด็จการน่าหวาดผวา น้อยคนจะรู้ว่าเขายังมีอีกด้านเป็นคนรักหนังสุดจิตใจ และเพื่อจะสานฝันในการปลุกปั้น “หนังเกาหลีเหนือ” ให้ยิ่งใหญ่กลายเป็นจริงได้ สิ่งที่เขาทำจึงคือการ “ลักพาตัว”!
หนังสารคดีสำรวจเรื่องจริงสุดเหลือเชื่อแห่งประวัติศาสตร์วงการหนังโลก จากประสบการณ์ไม่มีวันลืมลงของ ชินซางอ๊ก สุดยอดผู้กำกับแห่งยุค 1960 เจ้าของฉายา “เจ้าชายแห่งวงการหนังเกาหลีใต้” กับ ชเวอึนฮี นางเอกเบอร์หนึ่งขวัญใจผู้ชม ซึ่งถูกคิมจ็องอิลลักพาตัวไปกักขังถึง 5 ปีเต็มเพื่อ “ช่วยพัฒนาวงการหนังเกาหลีเหนือ”! …พวกเขาต้องพบเจออะไรบ้างในดินแดนต้องห้ามแห่งนั้น? การทำหนังภายใต้การควบคุมของแฟนพันธุ์แท้อย่างท่านผู้นำจะเต็มไปด้วยความขมขื่นจริงรึไม่? แล้วการผจญภัยสุดระทึกเสี่ยงตายนี้จะลงเอยเช่นไร? …ขอชวนมาฟังเรื่องราวจากการบอกเล่าของชเวอึนฮีตัวจริง!
The story of young, ambitious South Korean filmmaker Shin Sang-ok and actress Choi Eun-hee, who met and fell in love in 1950s post-war Korea. In the 70s, after reaching the top of Korean society following a string of successful films, Choi was kidnapped in Hong Kong by North Korean agents and taken to meet Kim Jong-il. While searching for Choi, Shin also was kidnapped, and following five years of imprisonment, the couple was reunited by the movie-obsessed Kim, who declared them his personal filmmakers. Choi and Shin planned their escape, but not before producing 17 feature films for the dictator and gaining his trust in the process.
รางวัล (Award)
สารคดีที่จะทำให้เราได้รู้จักอีชางดงผ่านหนังทั้ง 6 เรื่องของเขา เรื่องราวที่เขาอยากเล่า โลกที่เขาซึมซับ สัญลักษณ์และสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาใช้ ผ่านการอธิบายของอีชางดงและเพื่อนร่วมงานสำคัญตัวจริงเสียงจริง
มิจาอาศัยอยู่กับหลานชายวัยมัธยมในเมืองเล็ก ๆ เธอได้เข้าเรียนวิชากวีนิพนธ์และได้รับโจทย์ให้ทดลองเริ่มเขียนบทกวีเป็นครั้งแรก แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ต้องเผชิญกับความเป็นจริงอีกบางอย่างซึ่งรุนแรงเกินจินตนาการ และทำให้เธอตระหนักว่าชีวิตอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
‘ฮงจงดู’ เพิ่งพ้นโทษจากคุกและติดต่อครอบครัวของชายที่ตายเพราะน้ำมือเขา ในบ้านหลังนั้น เขาได้พบ ‘ฮันกงจู’ หญิงสาวที่เป็นอัมพาตเพราะโรคสมองพิการ ท่ามกลางสังคมที่ไม่เข้าใจและครอบครัวที่ไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างคนนอกสองคนเริ่มก่อตัวขึ้น
บนรางรถไฟ ชายวัย 40 นาม ‘ยองโฮ’ พยายามฆ่าตัวตาย… มันเกิดอะไรขึ้น? หนังพาเราย้อนสู่อดีตเพื่อเผยให้เห็นว่าประวัติศาสตร์และความรุนแรงทางการเมืองหล่อหลอมให้เขามาสู่จุดนี้ได้อย่างไร
นักเรียนมัธยมปลายถูกโรงเรียนส่งไปฝึกงานเพื่อแลกกับประสบการณ์การทำงาน “ในโลกแห่งความเป็นจริง” …สามเดือนต่อมา เธอฆ่าตัวตาย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนตีแผ่สภาพแวดล้อมการทำงานที่โหดร้ายในสังคมเกาหลีใต้
กว่า 30 ปีหลังเขย่าโลกด้วยหนังเรื่อง JFK โอลิเวอร์ สโตนกลับมาชำแหละประวัติศาสตร์ฉาวนี้อีกครั้ง เพราะนี่คือปีที่เอกสารจำนวนมากที่ถูกบันทึกไว้จากการตรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุ จากการชันสูตรศพเคนเนดี้ และจากการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทุกคน ถึงเวลาถูกเปิดเผย!
คนทุกคนมี “คิเมร่า” เป็นของตัวเอง และคนทุกคนใฝ่ฝันอยากครอบครองมัน… แต่ยากนักที่จะหามันพบ สำหรับเหล่าโจรปล้นสุสานเพื่อขโมยวัตถุและสิ่งสวยงามมหัศจรรย์ทางโบราณคดี คิเมร่าหมายถึงความฝันที่จะได้ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว และสำหรับชายหนุ่มชื่ออาร์เธอร์ คิเมร่าอาจหมายถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ซึ่งบัดนี้เขาได้สูญเสียเธอไปแล้ว
แม้เกาหลีใต้จะมีภาพลักษณ์เป็นสังคมร่ำรวยและทันสมัย แต่ยังคงถือเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างรุนแรงหากผู้หญิงตั้งท้องโดยยังไม่ได้แต่งงาน นั่นเป็นเหตุผลให้เด็กสาวจำนวนมากต้องออกจากระบบการศึกษาและถูกส่งตัวไปอยู่ในศูนย์พักพิงเพื่อปิดบังการตั้งครรภ์ไว้เป็นความลับไม่ให้เพื่อนฝูงญาติมิตรรู้
subscribe to newsletter to stay up to date with our films & events