
THE LOVERS & THE DESPOT
เรื่องจริงเหลือเชื่อเมื่อสุดยอดคนทำหนังเกาหลีใต้ถูกคิมจ็องอิลลักพาตัวไป “พัฒนาวงการหนังเกาหลีเหนือ”!
“ผมไม่ใช่นิโกร
ผมเป็นมนุษย์
หากคุณเห็นผมเป็นนิโกร
ก็เพราะคุณต้องการให้ผมเป็นอย่างนั้น
…และคุณต้องหาคำตอบเองให้พบว่ามันเป็นเพราะอะไร”
– เจมส์ บาลด์วิน
จากต้นฉบับหนังสือ 30 หน้าที่ เจมส์ บาลด์วิน กวี นักเขียน และนักต่อสู้ชาวอเมริกันผิวสีขึ้นต้นไว้และไม่เคยมีโอกาสเขียนให้เสร็จสิ้น สู่หนังสารคดีทรงพลังรุนแรงที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่ “จดหมายบันทึกความทรงจำถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมทั้งรักทั้งชัง” ดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดด้วยเสียงของแซมวล แอล แจ็คสัน และภาพฟุตเตจประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญตลอดระยะเวลาการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, มัลคอล์ม เอ็กซ์ และเม็ดการ์ เอเวอร์ส ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกลอบสังหาร
In 1979, James Baldwin wrote a letter to his literary agent describing his next project, “Remember This House.” The book was to be a revolutionary, personal account of the lives and assassinations of three of his close friends: Medgar Evers, Malcolm X and Martin Luther King, Jr. At the time of Baldwin’s death in 1987, he left behind only 30 completed pages of this manuscript. Filmmaker Raoul Peck envisions the book James Baldwin never finished.
เรื่องจริงเหลือเชื่อเมื่อสุดยอดคนทำหนังเกาหลีใต้ถูกคิมจ็องอิลลักพาตัวไป “พัฒนาวงการหนังเกาหลีเหนือ”!
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในคลับ สู่การเปิดโปงความฉ้อฉลครั้งมโหฬารของระบบสาธารณสุขและรัฐบาล ที่เดิมพันด้วยชีวิตของประชาชนและจริยธรรมของ “สื่อมวลชน”
หนังภาคคู่ของ The Act of Killing เมื่อน้องชายเหยื่อตัดสินใจเผชิญหน้าและสนทนากับเหล่ามือสังหารตัวจริง!
สารคดีเรื่องราวแห่งการสู้ยิบตาของ เจน เจคอบส์ ไอดอลขวัญใจนักออกแบบเมืองทั่วโลก
สารคดีที่นักข่าวสาว “ชิโอริ อิโตะ” บันทึกความเจ็บปวดและการต่อสู้ของเธอเอง หลังจากเธอช็อกคนทั้งประเทศญี่ปุ่นด้วยการเปิดเผยว่าเธอถูกข่มขืนโดยนักข่าวรุ่นใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล และสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดหน้าสู้เพื่อผลักดันให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศอันล้าสมัย
เจ้าของรางวัล Cinematic Innovation จากเทศกาลหนังซันแดนซ์ ที่นำฟุตเตจจำนวนมหาศาลจากคลังมาจัดการเล่าหลากหลายเส้นเรื่องอย่างชาญฉลาด ผูกร้อยประวัติศาสตร์การเมืองโลกอันร้อนระอุในทศวรรษ 60 เข้ากับดนตรีและความรุนแรงได้อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ย้อนประวัติศาสตร์ไปตื่นตะลึงกับชัยชนะระดับปรากฏการณ์โลกของทีมวอลเลย์บอลหญิงญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “แม่มดแห่งตะวันออก”
ในสมรภูมิสื่อที่ครอบครองโดยผู้ชายมาช้านาน หนังสือพิมพ์และสำนักข่าวเล็ก ๆ ชื่อ “คาบาร์ลาฮารียา” ผงาดขึ้นสร้างปรากฏการณ์ใหม่อย่างอาจหาญ