
TOKYO IDOLS
สำรวจหัวใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย ผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาของ “ไอดอล” และ “โอตะ”
90 นาที / 2016 / กำกับ : รอคห์ซาเรห์ กาเอมมากาห์มี / เรต : ทั่วไป
1 hr 30 min / 2016 / Director : Rokhsareh Ghaemmaghami / G
เจ้าของรางวัลสารคดีโลกยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังซันแดนซ์ เรื่องราวทรงพลังของ “โซนิตา อะลิซาเดห์” เด็กสาววัย 18 ที่ลักลอบอพยพจากอัฟกานิสถานมาอาศัยในชุมชนแออัดของอิหร่าน และไม่เพียงปัญหาความยากจนข้นแค้นเท่านั้นที่เธอต้องการหลบหนี ทว่าโซนิตายังปรารถนาจะหลุดพ้นจากแรงกดดันของครอบครัวที่ต้องการ “ขาย” เธอไปเป็นเจ้าสาวเพื่อแลกกับเงินสดหนึ่งก้อนซึ่งพี่ชายของเธอต้องการใช้จัดงานแต่งงานของตัวเอง ซ้ำร้าย โซนิตายังมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องแร็ปอันเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมของเธอ เด็กสาวผู้นี้จะแสวงหาเสรีภาพได้อย่างไรในท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยข้อบังคับอันยากจะต้านทาน
Sonita is an 18-year-old female, an undocumented Afghan illegal immigrant living in the poor suburbs of Tehran. She is a feisty, spirited, young woman who fights to live the way she wants, as an artist, singer, and musician in spite of all her obstacles she confronts in Iran and her conservative patriarchal family. In harsh contrast to her goal is the plan of her family – strongly advanced by her mother – to make her a bride and sell her to a new family. The price right now is about US$ 9.000.
รางวัล (Awards) :
ประเด็นสำคัญในหนัง
ในหลายพื้นที่ของโลกปัจจุบันยังคงมีประเพณีที่บังคับเด็ก (โดยเฉพาะเด็กหญิง) วัยต่ำกว่า 18 ปีให้แต่งงาน และเจ้าสาววัยเยาว์เหล่านี้จำนวนมากก็ต้องพบกับปัญหาการถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ เสียโอกาสที่จะได้ค้นหาเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง ต้องยอมจำนนภายใต้ระบบชายเป็นใหญ่และความเชื่อเรื่องการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่-การเลี้ยงดูครอบครัว นับเป็นปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศที่ร้ายแรงมากปัญหาหนึ่ง
ในหนัง โซนิต้าเป็นเด็กสาวที่ใฝ่ฝันอยากเป็นแร็พเปอร์ ซึ่งไม่เพียงไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของเธอ (ที่ต้องการให้เธอไปเป็นเจ้าสาวเพื่อหาเงินช่วยครอบครัว) เท่านั้น แต่รัฐบาลยังห้ามมิให้ผู้หญิงร้องเพลงเดี่ยว, โปรดิวเซอร์เพลงหลายคนปฏิเสธเธอเพราะมองไม่เห็นศักยภาพ และสถานะทางการเงินของเธอเองก็ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม โซนิต้ายังพยายามเดินตามความฝันของเธอด้วยการเปลี่ยนความอยุติธรรมที่ได้เจอในชีวิตออกมาเป็นบทเพลง และพยายามทำทุกวิถีทางที่จะพาตัวเองไปสู่อิสรภาพ
ขณะที่หลาย ๆ ครอบครัวในโลกพยายามประคับประคองลูก ๆ ให้มีชีวิตที่ดีและอนาคตที่สวยงามตามความฝัน แต่ครอบครัวเด็กสาวจำนวนมากในอัฟกานิสถานยังมีความเชื่อและประเพณีการขายลูกสาวไปเป็นเจ้าสาวตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อแก้ปัญหาความยากจนที่คนในบ้านต้องเผชิญ แม่ของโซนิต้าประกาศว่า “ไม่ว่าลูกจะมีความสุขหรือไม่ก็ไม่สำคัญ มันเป็นประเพณี” โดยทั้งตัวแม่เองและพี่สาวของโซนิต้าก็ตกอยู่ใต้ประเพณีนี้แม้จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุข สภาพความเป็นจริงที่ปรากฏต่อหน้าจึงทำให้โซนิต้าพยายามฝ่าฝืนมัน
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการทำสารคดีเรื่องนี้ที่เป็นที่ถกเถียงกันมากก็คือ คนทำหนังมีหน้าที่บันทึกความเป็นจริงตรงหน้าแล้วถ่ายทอดออกมาสู่ผู้ชม แต่หากคนทำหนังเกิดความรู้สึกผูกพันกับบุคคลในหนัง เห็นอกเห็นใจ และถึงขั้นก้าวเข้าไปให้ความช่วยเหลือ จะถือว่าเป็นการผิดหน้าที่และละเมิดจริยธรรมของคนทำหนัง หรือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วกันแน่? ในฉากที่ผู้กำกับกาเอมมากาห์มีเริ่มเกิดความลังเลว่าเธอควรช่วยโซนิต้าให้รอดจากการถูกจับแต่งงานหรือไม่ ช่างเสียงของเธอขัดขึ้นให้เราได้ยินว่า “คุณเป็นคนทำหนังนะ คุณไม่ควรยื่นมือเข้าไปแทรกแซง สิ่งที่คุณควรทำคือถอยหลังออกมาแล้วมองให้เห็นประเด็นที่ใหญ่กว่านี้” แต่กาเอมมากาห์มีไม่สามารถทำตามนั้นได้ และการตัดสินใจของเธอก็กลายมาเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในสารคดีเรื่องนี้
ดูจบแล้วคุยอะไรกันดี
1. หลังจากดูหนังจบแล้วมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง มีความหวัง รู้สึกสิ้นหวัง หรือเฉย ๆ และคุณคิดว่าคนทำหนังคาดหวังอยากให้คนดูรู้สึกอย่างไร
2. การกระทำบางอย่างที่ “เป็นประเพณี” อาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่ดีและที่แย่ ที่ถูกและที่ผิด แล้วเราจะสามารถเคารพประเพณีดั้งเดิม พร้อม ๆ กับเคารพเรื่องความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชนไปพร้อม ๆ กันได้ไหม
3. หลังจากได้ฟังเพลงแร็พของโซนิต้า คุณคิดว่าอะไรคือสาระสำคัญที่เธออยากจะสื่อ
4. ปกติคุณชอบฟังเพลงแร็พมั้ย ชอบฟังเพลงแนวไหน คุณคิดว่าเพลงสามารถเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความเจ็บปวดที่ผู้คนพบเจอในชีวิตของตนได้อย่างไรบ้าง และมันจะสามารถสร้างผลกระทบหรือนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้ไหม
5. เห็นด้วยรึเปล่าที่คนทำหนังเรื่องนี้ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยโซนิต้าจนนำมาสู่เรื่องราวครึ่งหลังในหนังแบบที่เห็น คุณคิดว่าคนทำหนังควรจะมีบทบาทอย่างไรกันแน่ ถ้าคุณเป็นคนทำหนังเรื่องนี้คุณจะเลือกทำอย่างไร
6. ครอบครัวของโซนิต้ามีอิทธิพลมาก ๆ ต่อชีวิตของเธอ แล้วครอบครัวของคุณล่ะมีอิทธิพลแบบนี้ไหม มีความเป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะพยายามกำหนดเส้นทางชีวิตให้คุณ
ถ้าคุณเป็นโซนิต้า คุณจะทำอย่างไรเมื่อถูกแม่บังคับขนาดนั้น จะยอมตามหรือจะต่อต้าน หากต่อต้านจะใช้วิธีอะไร เพราะอะไร
7. หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสังคมแบบชายเป็นใหญ่ ที่ผู้หญิงมีสิทธิเสียงและทางเลือกในชีวิตน้อย คุณคิดว่าปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศนี้เกิดขึ้นกับชีวิตประจำวันของตัวคุณหรือคนใกล้ตัวคุณบ้างไหม เช่นเรื่องอะไร
สำรวจหัวใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย ผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาของ “ไอดอล” และ “โอตะ”
อิเมลดา มาร์กอส เป็นอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของฟิลิปปินส์คือผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง และโด่งดังจากวิถีชีวิตหรูหรา สารคดีพาเราสำรวจความอื้อฉาวในตำนานของเธอ
จากหมู่บ้านในโคราช สู่พัทยา สมหมายได้พบ “นีลส์” ชายวัยกลางคนชาวเดนมาร์กผู้ยอมรับว่า เขามาเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขจากการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดเดาได้ล่วงหน้าก็เกิดขึ้น เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ ที่กลายมาเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขาในที่สุด
ย้อนประวัติศาสตร์ไปตื่นตะลึงกับชัยชนะระดับปรากฏการณ์โลกของทีมวอลเลย์บอลหญิงญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “แม่มดแห่งตะวันออก”
ระหว่างที่สามีเดินทางไปทำงานต่างเมือง กัมมีแก้เหงาด้วยกาเยี่ยมเยียนเพื่อนสาวสามคน การใช้เวลาสั้นๆ ร่วมกันของพวกเธอได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาซึ่งมีตั้งแต่เรื่องราวสัพเพเหระ ไปจนถึงการค้นพบบางสิ่งที่กัมมีไม่เคยใช้เวลาคิดถึง
ชีวิตอันแสนมหัศจรรย์ของ ดร.รูธ เวสต์ไฮเมอร์ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เป็นผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และกลายมาเป็นผู้บุกเบิกรายการ “ตอบปัญหาทางเพศ” ให้กับสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในอเมริกา
“บ็อบบี้ จีน” นักเต้นสาวผู้ใช้เรือนร่างและจิตวิญญาณค้นหาเส้นทางอาชีพ ความหมายของการเป็นผู้หญิง และความรักแท้ อย่างทั้งร้าวรานและแสนทะเยอทะยาน
เมื่อ “ลิซ่า” ครูอนุบาลแห่งเกาะสแตเทน ค้นพบพรสวรรค์ยิ่งใหญ่ในตัวเด็กนักเรียนชายวัย 5 ขวบ เธอก็ตัดสินใจทุ่มตัวเองให้แก่การขัดเกลาสิ่งซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามเม็ดนี้ ก่อนที่ความเชื่อนั้นจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอันตรายที่ไม่มีใครคาดคิด
พวกเธอมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย พวกเธอปลูกกัญชาแม้เจ้าหน้าที่รัฐจะถือว่าท้าทาย และพวกเธอประกาศก้องด้วยความเชื่อสุดใจว่า “สายเขียว” นี่แหละจะกอบกู้มวลมนุษยชาติ!
“วิเวียน เวสต์วูด” โด่งดังก้องโลกในฐานะเจ้าแม่แฟชั่นพังค์ ผู้สุดจะแหกคอกตั้งแต่ด้านงานดีไซน์ ไปยันทัศนคติการใช้ชีวิต และการเป็นแอ็กติวิสต์ตัวเจ็บ แต่นี่คือหนังเรื่องแรกที่จะบอกเล่าการต่อสู้ทุกด้านอย่างแท้จริง ของหนึ่งในไอค่อนผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคสมัยคนนี้!
หนังเกี่ยวกับคืนที่รายการเรียลลิตี้ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปรายการหนึ่งออกอากาศเป็นตอนสุดท้าย แล้วในคืนนั้นเองหลังจากห้าทุ่มห้าสิบเก้าเวลาก็เพิ่มขึ้นมากลายเป็นห้าทุ่มหกสิบหกสิบเอ็ดหกสิบสองไปเรื่อยๆ ไม่ยอมถึงเที่ยงคืน
ในสมรภูมิสื่อที่ครอบครองโดยผู้ชายมาช้านาน หนังสือพิมพ์และสำนักข่าวเล็ก ๆ ชื่อ “คาบาร์ลาฮารียา” ผงาดขึ้นสร้างปรากฏการณ์ใหม่อย่างอาจหาญ
documentaryclubthai@gmail.com
Movies Matter Co.,Ltd© All Rights Reserved 2022
subscribe to newsletter to stay up to date with our films & events