Like Raining at the End of April (Director’s Cut)

153 Min / Director : Wichanon Somumjarn / Protagonists : Uthen Sririwi, Krit Sriwicha, Yingyong Wongtakhee / 2020

Like Raining at the End of April (Director’s Cut) เป็นภาพยนตร์แนวทดลอง ที่นำฟุตเทจบางส่วนจากภาพยนตร์ทดลองเรื่อง In April the Following, There Was a Fire (2012) มาทดลองอีกรอบ ซึ่งผสมกับฟุตเทจจากงานชิ้นอื่นๆของตัวผู้กำกับภาพยนตร์ (วิชชานนท์ สมอุ่มจารย์)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจเรียงลำดับเนื้อเรื่องให้ไหลย้อนกลับสวนทางกับเนื้อเรื่องในต้นฉบับ โดยใช้ดนตรีประกอบที่ประพันธ์โดยคณะดนตรี Local People Rockband (เป็นชื่อในการทำงานเพลงของตัวผู้กำกับ) ซึ่งเป็น Concept Album ในชื่อ Countryman ที่ต้องฟังต่อเนื่องกันทั้ง 13+2 เพลง

เมื่อสิ้นสุดเพลงในอัลบั้ม ตัวของภาพยนตร์จะ Reverse ตัวเองย้อนกลับอีกรอบไปยังจุดเริ่มต้น ซึ่งผู้รับชมและฟังจะได้ค้นพบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

more

Overseas

สำหรับผู้หญิงจำนวนมากในฟิลิปปินส์ การไปทำงานเป็นคนรับใช้ในต่างประเทศคือทางออกของชีวิตที่ขัดสน และในอันจะบรรลุซึ่งเป้าหมายนั้น พวกเธอจะต้องทุ่มเทให้แก่การฝึกฝนใน “โรงเรียนแม่บ้าน” ซึ่งมีอยู่อย่างแพร่หลายในประเทศ

จากเมืองนรกสู่ดินแดนที่เทวดาตกหลุมรัก : เบื้องหลัง Wings of Desire

หลังคว้าปาล์มทองจาก Paris, Texas และเต็มอิ่มกับการใช้ชีวิตในอเมริกา วิม เวนเดอร์สตัดสินใจกลับเบอร์ลินเมืองแสนรัก ออกเดินสำรวจชีวิตผู้คน แล้วถ่ายทอดเรื่องราวของบ้านเมืองนี้ผ่านสายตาของ “เทวดา”

ดาวคะนอง (By the Time It Gets Dark)

เมื่อผู้กำกับหนังหญิงพานักเคลื่อนไหวทางการเมืองในเหตุการณ์ 6 ตุลา กลับไปย้อนรำลึกถึงฝันร้ายนั้น ประกอบสร้างเป็นการพร่าเลือนเรื่องแต่ง เรื่องจริง และความทรงจำของประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับการบันทึก

Spettacolo

ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในอิตาลี เศรษฐกิจที่ถดถอยฉับพลันส่งผลให้ชาวบ้านต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนับจากนั้น พวกเขาตัดสินใจสะท้อนมันออกมาผ่าน “ละครเวที”

Wheel of Fortune and Fantasy

นี่คือ 3 เรื่องราวความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนของมนุษย์ที่ถูกบอกเล่าผ่าน “เหตุบังเอิญ” ซึ่งดูเหมือนจะดำเนินไปตามลิขิตแห่งโชคชะตา ในหลายชีวิตที่ล้วนเกี่ยวข้องกับ “ตัวตน” และ “ความรัก”

Robby Müller: Living the Light

ร็อบบี้ มึลเลอร์ เป็นผู้กำกับภาพของภาพยนตร์กว่า 70 เรื่อง โดดเด่นที่สุดจากการร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง วิม เวนเดอร์ส, จิม จาร์มุช และลาร์ส ฟอนเทรียร์ สายตา การวางกรอบภาพ ตลอดจนการใช้แสงของเขาส่งอิทธิพลต่อคนทำหนังทั้งรุ่น

คนหมายเลขศูนย์ (Mr. Zero)

บัณฑิต อาร์ณีญาญ์ นักเขียนหนังแปลผู้ถูกจับกุมในมาตรา 112 ถึง 4 ครั้ง ได้รับการปล่อยตัว 2 ครั้งโดยเหตุผลว่าเขามีปัญหาทางจิต อีก 2 คดียังคงอยู่ในชั้นศาล สารคดีใช้วิธีการเล่าโดยนำงานเขียนของบัณฑิตมาผสมผสานเข้ากับเรื่องราวในชีวิตจริง

Flee

ตั้งแต่เด็ก อามิน นาวาบี ต้องลี้ภัยออกจากอัฟกานิสถาน ประเทศบ้านเกิดของเขา อามินไม่เคยเล่าสิ่งที่เคยเผชิญให้กับคนรักหรือใครคนอื่นฟัง นี่เป็นครั้งแรกที่ความลับอันเจ็บปวดที่เขาเก็บงำไว้มากว่า 20 ปีจะถูกเปิดเผย