
Come Back Anytime
เรื่องราวของร้านราเม็ง “บิเซนเต” ในโตเกียวที่กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความสุขและความสัมพันธ์อันชิดใกล้ของผู้คนในชุมชนและเหล่าคนนิยมราเม็ง
สถาพร ครูวรรณคดีผู้ติดอยู่กับพันธะและความจริงที่ว่าสิรินาถ ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ ทำให้ไม่สามารถมีเซ็กส์ได้ตามต้องการ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสถาพรเลือกทิ้งภรรยาไว้ หนีออกมาจากชีวิตเก่า และได้พบกับเส้นทางสู่ “กรุงเกลือ” เมืองแห่งสรวงสวรรค์ในวรรณคดีที่เกิดขึ้นจริง ในระหว่างการเดินทางของเขา…
Sathaporn, a literature teacher, is joined by the bond and needs to accept the truth that Sirinarth, his pregnant wife, cannot have sex as much as he desires. What will happen if he decides to leave his lover behind, escape his old life and accidentally find the path to Krungkluea, a heaven in the literature, which becomes realistic during his journey.
DIRECTOR STATEMENT
แน่นอนว่าแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากหลากหลายองค์ประกอบ ทั้งภาพความฝันอันเลือนลาง, ศิลปะวัฒนธรรมแบบไทยๆ, เรื่องราวของเพื่อนๆ ที่ถูกนำมาปะติดปะต่อกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กระแสสังคม “Me too” ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่บทภาพยนตร์ “นิราศกรุงเกลือ” ถูกเขียน
ด้วยเหตุนี้เอง ความทรงจำในอดีตจึงถูกดึงกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่มันควรจะอยู่ในจุดที่ลึกที่สุด ซึ่งสำหรับผม แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดี แต่การได้สะท้อนเรื่องราวเหล่านั้นลงบนภาพยนตร์ “สิ่งที่ผมรักที่สุด” มันก็คุ้มค่าที่จะลองทำ!
นี่จึงเป็นที่มาของ “นิราศกรุงเกลือ” / Me too ในแบบฉบับของผม ซึ่งเต็มไปด้วยบทบาทของ “ผู้กระทำ” และ “ผู้ถูกกระทำ” อันเป็นปัจจัยสำคัญของ “การคุกคามทางเพศ” ที่ส่งผลกระทบต่อใครหลายๆ คน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหาที่ไม่สามารถละเลยหรือมองข้ามได้ แม้จะมั่นใจมากๆ ว่า เราแก้ไขอะไรไม่ได้เลยก็ตาม แต่ลึกๆ สิ่งที่ผมอยากจะทำก็คือ ระบายความในใจออกมา… เท่านั้นเอง
ท้ายที่สุด ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมาจนถึงวันนี้ ขอบคุณคนที่รักที่คอยอยู่เคียงข้างกัน และขอโทษด้วยที่ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเร็วกว่านี้
– ณัฐนันท์ (กัญจน์) เทียมเมฆ ผู้กำกับ
เรื่องราวของร้านราเม็ง “บิเซนเต” ในโตเกียวที่กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความสุขและความสัมพันธ์อันชิดใกล้ของผู้คนในชุมชนและเหล่าคนนิยมราเม็ง
ชีวิต ความคิด และความบ้าของ “โอเอซิส” วงดนตรีอังกฤษที่สุดยิ่งใหญ่และแสนฉาวโฉ่!
จากต้นฉบับหนังสือ 30 หน้าที่เจมส์ บาลด์วิน กวี นักเขียน และนักต่อสู้ชาวอเมริกันผิวสีขึ้นต้นไว้และไม่เคยมีโอกาสเขียนให้เสร็จสิ้น สู่หนังสารคดีที่ตั้งคำถามถึงความอยุติธรรมของมนุษย์อย่างสุดทรงพลัง
ฮาร์เลมช่วงปลายยุค 1980 ชายหนุ่มผิวขาวเป่าฮาร์โมนิกาเคียงข้างชายชราผิวดำผู้บรรเลงบทเพลงบลูส์ …สารคดีเรื่องนี้ร้อยเรียงฟุตเตจมากมายยาวนานกว่า 2 ทศวรรษเพื่อบอกเล่าการเดินทางของสองนักดนตรีเจ้าของฉายา “ซาตานและอดัม”
อาแลง ดูกัสส์ เป็นเชฟและครูสอนทำอาหารที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก, เป็นเจ้าของภัตตาคารหรูในสารพัดประเทศและครอบครองดาวมิชลินถึง 18 ดวง แต่เหตุใดเขาจึงยังไม่หยุดค้นหา? อะไรกันแน่คือเป้าหมายแห่งอาชีพของเขา?
ผู้ชายคนหนึ่งตัดสินใจออกไปทำความรู้จักเมืองของเขา โดยใช้เวลา 6 ปีเต็มสำรวจถนนทุกเส้น ทุกซอยทุกสวนทุกสะพาน…ด้วยการ “เดิน”!
วุฒิหนุ่มเจ้าของโรงงานซีอิ้ว เข้าไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของลูกพี่ใจถึง เฮียใหญ่กับพี่น้องร่วมสายเลือด และค่ำคืนประหลาดของเขากับหมุยหญิงสาวคนสนิท
แกร์ฮาร์ด ชไตเดิล คือเจ้าของสำนักพิมพ์เก่าแก่ในเยอรมนีผู้เลื่องชื่อด้านความรักในการออกแบบและการจัดพิมพ์หนังสือ เขามีวิธีคิดและวิธีรักษาคุณค่าของ “สื่อเก่า” ชนิดนี้ไว้ได้อย่างไรในโลกที่ใครๆ ก็บอกว่า “สิ่งพิมพ์ตายแล้ว”?
documentaryclubthai@gmail.com
Movies Matter Co.,Ltd© All Rights Reserved 2022
subscribe to newsletter to stay up to date with our films & events