จากนักข่าวกีฬาสู่นักข่าวสืบสวน
“เกือบ 20 ปีที่แล้ว ผมกับเพื่อนร่วมงาน 2-3 คนขึ้นไปเทือกเขาคาร์เพเทียนเพื่อเยี่ยมชมที่ตั้งของศูนย์ฝึกนักกีฬาโอลิมปิก แต่เราสังเกตเห็นว่าศูนย์นี้ล้อมรอบด้วยรั้วหน้าตาธรรมดามากๆ ทว่ากลับใช้งบสร้างหลายหมื่นเหรียญ เราเลยทำข่าวเรื่องนี้ แต่ในยุคนั้นอัยการยังไม่สนใจคดีคอร์รัปชันระดับชาติ รัฐมนตรีกับพวกผู้ช่วยเลยรอดตัวหมด มีแต่ข้าราชระดับเล็กๆ ที่ถูกลงโทษ
โชคดีที่ทุกวันนี้หลายๆ สิ่งเปลี่ยนไป การเปิดโปงใหม่ๆ ของหนังสือพิมพ์เราทำให้รัฐมนตรีเยาวชนและกีฬากำลังถูกอัยการสั่งสอบสวน และมีแนวโน้มจะต้องติดคุกอย่างน้อย 5 ปี”
ความสยบยอมของสื่อกระแสหลัก
“หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดของวงการสื่อก็คือ เราเริ่มยอมรับ ‘ความไม่ปกติ’ ว่าเป็น ‘ความปกติ’
ตัวอย่างเช่น ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าการถ่ายทอดสด UEFA แชมเปียนส์ลีกน่ะ มีกฎหนาเป็นเล่มที่บังคับให้ทีวีทุกช่องต้องถ่ายทอดแต่สิ่งที่เกิดบนสนามแข่ง ต่อให้มีดาวเคราะห์พุ่งชนคนดูก็ห้ามถ่าย พูดอีกอย่างคือต้องถ่ายทอดเฉพาะด้านบวกเท่านั้น และที่แย่คือบรรดาสถานีก็ยอมตาม ยอมปกปิดความเป็นจริงทั้งที่ภารกิจหลักของพวกเขาคือการให้ข้อมูลแก่สาธารณชน พวกเขาลืมไปหมดว่าคลื่นความถี่เป็นสมบัติสาธารณะ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัว พวกเขายอมประนีประนอมกับอำนาจโดยไม่เคยรู้สึกผิดหรือรู้สึกโกรธอะไรเลย
ผมเชื่อว่า เป้าหมายของการทำข่าวสืบสวนไม่ได้อยู่ตรงผลของมันว่าจะมีคนกี่คนต้องลาออกหรือโดนลงโทษหรอก แต่อยู่ตรงที่เราจะต้องทำให้สังคมได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของ ‘อำนาจ’ ต่างๆ ซึ่งกำลังหล่อหลอมกล่อมเกลาชีวิตของเราทุกคนอยู่”