แต่นอกเหนือจากการเป็น “คนเพี้ยน” แห่งป่าแล้ว สองพี่น้องยังเคยเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงการเปลี่ยนผ่านของยุคคอมมิวนิสต์ด้วย พวกเขามีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติกำมะหยี่ปี 1989 โดยเป็นผู้ผลิตใบปลิวต่อต้านระบอบเผด็จการให้แก่ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพพลเมือง ข้อเท็จจริงนี้ทำให้เรื่องราวชีวิตที่ดูเผิน ๆ เหมือนเรียบง่าย กลับยิ่งอบอวลด้วยประเด็น “ความฝันและความปรารถนาที่ไม่เคยเป็นจริง” ของผู้คนรุ่นเก่าในชนบทที่กำลังถูกกาลเวลาทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง
ความเก๋ของ Better Go Mad in the Wild อยู่ตรงที่เรโมเลือกวิธีเล่าแบบผสมผสาน ระหว่างชีวิตประจำวันของฝาแฝด, ฉากบทกวี, ข้อความเชิงปรัชญาที่นำมาจากหนังสือของนักเขียน Aleš Palán และเสียงบรรยายของ “นันดี้” วัวตัวโปรดของสองพี่น้อง โดยหนังเผยข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแค่น้อยนิด และโฟกัสไปที่พฤติกรรมเฮี้ยน ๆ แต่เปี่ยมเสน่ห์ของพวกเขาด้วยสายตาที่อบอุ่นและเข้าอกเข้าใจ