เริ่มตรงไหนดี?
เริ่มจากดูสารคดีเยอะๆ เอาไว้เป็น Reference เช่นพวกสารคดีที่ได้รางวัล ศึกษาวิธีการเล่าเรื่อง การเล่าแบบไหนที่ทำให้คนดูรู้สึกสนุก แล้วลองออกแบบวิธีการเล่าที่เหมาะสมกับ Subject ของเรา
โฟกัสค่ะ!
ในการสัมภาษณ์เราอาจจะคิดว่าในหัวข้อเรามีประเด็นที่น่าสนใจแค่เรื่องเดียว แต่เมื่อเริ่มพูดคุยจริงๆ อาจเจอประเด็นอื่นๆ เพิ่มมาอีก ซึ่งมันน่าสนใจไปหมด ทำให้เราเริ่มสับสนว่าควรจะเล่าเรื่องไหนดี
ข้อแนะนำ คือ ถ้าเราจะเลือกทำ Documentary สั้นๆ ให้เลือกทำแค่ประเด็นเดียวที่มีพอยต์แรงๆ ง่ายๆ และเป็นหัวข้อที่สามารถเล่าได้ภายในเวลาที่กำหนดจะดีที่สุด เพราะการหยิบประเด็นขึ้นมาหลายๆ ประเด็นอาจทำให้คนดูสับสน ว่าเรากำลังพูดถึงอะไร ถ้าเวลาเราน้อย เราต้องพยายามเข้าประเด็นให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเวลาเราเยอะ เราก็สามารถอารัมภบทได้เยอะ
หาเรื่องไม่เก่ง?
ถ้าไม่ใช่คนมีพื้นฐานมาก่อนการหยิบเอาข่าวที่เราสนใจขึ้นมาเล่าจะช่วยได้ เพราะเรามีเนื้อเรื่อง โครงเรื่อง อยู่แล้วตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วดูว่าเราสนใจส่วนไหน จะเลือกหาข่าวที่โดนใจก่อนแล้วค่อยหาประเด็น หรือหาประเด็นที่อยากทำแล้วหาข่าวมาประกอบก็ได้ โดยการเล่าควรมีการนำเสนอแง่มุมใหม่ เรื่องที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อน หรือถ้าอยากจะเล่าเรื่องที่เคยมีคนเล่ามาแล้วจริงๆ เช่น เรื่องการประหารชีวิตดีไหม ก็ต้องเล่าให้ดีขึ้น มีข้อเสมอใหม่ มีประเด็นใหม่ เรื่องราวที่ลึกขึ้น หรือเรื่องที่คนยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มันจะทำให้งานของเราดูโดดเด่น น่าสนใจด้วยตัวมันเอง
Ex. ข่าวป้าฆ่าหลาน เราจะเลือกเล่ามุมไหน มุมป้า? มุมหลาน? หรือมุมคนข้างบ้าน? เราอาจจะสนใจประเด็นเรื่องมีดที่ใช้ ปัญหาที่ทำให้ป้าฆ่าหลาน หรือประเด็นศีลธรรมอื่นๆในคดีนี้ แต่ตอนจบของเรื่องยังไงก็ต้องจบด้วยป้าฆ่าหลานแน่ๆ
Documentary เล่าแบบอื่นได้ไหม
- Talking head หรือ สัมภาษณ์อย่างเดียวไปเรื่อยๆ
- ใช้เพลง หรือ เสียงประกอบ (score) มาดึงอารมณ์
- ผสมความเป็นภาพยนตร์ หรือ เรื่องแต่ง (Fictional) รายการคดีเด็ด
- ผสมภาพเคลื่อนไหว (Motion Graphic) เข้ากับการสัมภาษณ์
- ผู้ให้สัมภาษณ์(Subject) เล่าเรื่องขึ้นมา แล้วไปถ่ายทำเหตุการณ์นี้ใหม่ โดยให้นักแสดงแสดงให้เชื่อมโยงกับเรื่องราวที่ Subject เล่า เพราะฉะนั้นเสียงที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ถ่ายใหม่จะเป็นเสียงของตัว Subject เอง
- เล่าแบบไม่ต้องใช้ Subject ที่เป็นคนเลยก็ได้ เช่น Our Daily Bread ซึ่งเป็นการเล่าเกี่ยวกับว่า ก่อนจะมาเป็นขนมปัง มันเริ่มมาจากไหนบ้าง ไปที่ไหนมาบ้าง ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปด้วย ได้ความรู้ แล้วก็ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น
Subject ลึกลับ
Subject (ผู้ให้สัมภาษณ์) บางคนอาจไม่ต้องการเปิดเผยหน้า อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกับตัว Subject ก่อน อาจพูดให้เขายอม หรือบางครั้งก็ต้องทำตามที่เขาสบายใจ ให้ได้มาซึ่งเรื่อราวของเขาก่อน อาจมีการหลบมุม การเบลอให้เขา แล้วแต่วิธีการที่คิดว่าเหมาะสม เช่น ถ้าเป็น Documentary ตลก อาจจะเบลอแบบกลมๆ ตั้งใจ๊ตั้งใจเบลอไปเลยก็ได้
กล้องที่ใช่
เลือกกล้องที่ ถ่ายง่ายๆ อัดได้นานๆ เอาแบบที่เห็นภาพได้อย่างครอบคลุม เก็บข้อมูลได้ชัวร์ๆ เพราะการถ่าย Documentary มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ถ้าเราพลาดอะไรไป มันพลาดไปเลย ไม่สามารถจัดใหม่ได้ การมีกล้องมากกว่า 1 ตัว แล้วถ่ายในมุมที่ต่างกันก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี หรือมีไว้เผื่อแยกกองกันถ่าย ถ้าเวลามันมีจำกัด อันนี้แล้วแต่การออกแบบ
Ex. เราถ่ายสัมภาษณ์ด้วยกล้องหลัก แล้วมีกล้องอีกตัวนึงโฟกัสที่หน้า Subject อย่างเดียว สมมุติเขาเล่าเรื่องเศร้าอะไรสักอย่างแล้วร้องไห้ขึ้นมา เรามีมุมกล้องใกล้ซูมน้ำตา
ปะติดปะต่ออย่างไร
เริ่มจากเรียงประเด็นที่ต้องการเล่าซึ่งเริ่มรู้เองระหว่างการถ่ายทำ ว่าเรื่องไหนควรจะพูดก่อน หลัง ประเด็นหลักๆ คือต้องพยายามลำดับความคิดให้ได้ เหมือนการเขียนหนังสือ หรือบทความ
อาจเปิดด้วยการพูดถึงความเข้าใจของคนทั่วไปก่อน -> ท้าทายด้วยไอเดียใหม่ -> ไอเดียใหม่มีปัญหาอะไรบ้าง ->แล้วเราจะแก้ปัญหายังไงเพื่อให้ใช้ไอเดียใหม่นี้ได้
แต่ระหว่างถ่ายทำหนังบางครั้งเราจะจมอยู่กับตัวงานที่เราทำมากเกินไป มองไม่เห็นจุดที่รั่ว ว่าเราขาดประเด็นบางอย่าง หรือขาดบาง shot ไป จนกระทั่งเรานำมาตัดต่อจริงๆ อาจจจำเป็นต้องออกไปสัมภาษณ์เพิ่มเติม ไม่ต้องตกใจ เพราะการทำหนังปกติก็จะมีวันที่เผื่อไว้สำหรับการถ่ายทำเพิ่มเติมอยู่แล้ว (re-shoot)
ในการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง ส่วนที่ยาก และท้าทาย ที่สุดคือการพูดคุยกับตัว Subject (ผู้ให้สัมภาษณ์) เพราะถ้าเราถามแบบทื่อๆ เขาก็จะตอบเราแบบทื่อๆ อย่าคิดว่าเขาจะเป็นคนคุยสนุกมากๆ คุยเป็นธรรมชาติมากๆ เพราะบางคนเขาไม่เคยโดนถ่ายมาก่อน ดังนั้นก่อนไปสัมภาษณ์ควร
- List คำถาม
- ควรเข้าไปทำความคุ้นเคยก่อนถ่ายจริง ในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อลดช่องว่างระหว่างเรากับ Subject (ผู้ให้สัมภาษณ์) เพราะการทำ Documentary เป็นเรืองการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนจริงๆ ไม่ใช่การแสดงเอาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกันให้นานพอที่ Subject จะไว้ใจเรา ยอมพูดในสิ่งที่เป็นเขาจริงๆ โชว์ทุกๆมุมของเขาได้
‘คิดให้’ หรือ ‘คิดเอง’
การทำสารคดีอาจไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุปก็ได้ ซึ่งเป็นการยื่นข้อเสนอให้คนดูได้คิดต่อเอง ทำให้หนังหรือสารคดีเรื่องนั้นดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะเราทุกคนมีเรื่องราว มีเหตุผลเป็นของตัวเอง เรื่องบางเรื่องมันไม่สามารถไปฟันธงสรุปได้จริงๆ แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ลึกๆ แล้วในตัวสารคดีจะมีความเห็น ของคนทำอยู่นิดๆ ซึ่งคนดูจะพอรู้ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนไปสรุปให้เขาว่าทุกคนต้องคิดแบบนี้
DOC+ED PROJECT คืออะไร?
Doc+Ed Project เป็นโปรเจคต์นำความรู้เกี่ยวกับสารคดี ทั้งเทคนิคการถ่ายทำสำหรับมือใหม่ นิยาม-ความหมาย ประวัติศาสตร์ และทฤษฎีทางภาพยนตร์สารคดีมาถ่ายทอดแก่ทุกท่าน นำทีมโดย ครูจุ๊ย – กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ พร้อมนักเรียน-นักศึกษาจากหลากหลายสถาบันร่วมกันสร้างสรรค์โปรเจคต์นี้ขึ้นมา