หนังที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกม-เราเคยเห็นมาแล้ว, วิดีโอเกมที่ต่อยอดมาจากหนัง-เราเคยเห็นมาแล้ว, หนังสารคดีว่าด้วยวิดีโอเกม-เราก็เคยเห็นมาแล้ว …แต่คุณเคยดู ‘สารคดี’ ที่ถ่ายทำทั้งเรื่องใน ‘โลกของวิดีโอเกม’ หรือยัง?!
นี่คืออีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้หลายคนอาจจะเคยรู้จักงานภาพเคลื่อนไหวกลุ่ม Machinima (แมชินีมา – หมายถึงแอนิเมชันที่สร้างจากฟุตเตจในเกม) มานับสิบปีแล้ว แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างพรวดพราด, การลงหลักปักฐานของวัฒนธรรมเกมกระแสหลัก, การไลฟ์สตรีม และโซเชียลมีเดีย ก็ช่วยผลักดันให้งานประเภทนี้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ จนเริ่มได้รับการยอมรับด้านศักยภาพ ถึงขั้นที่บางเรื่องได้เข้าฉายในโรงและได้รับการพิจารณาเข้าชิงรางวัลสำคัญ ๆ เลยทีเดียว
แนวคิดของ Machinima หรือการทำหนังจากเอนจินเกมนั้นมีมานานแล้ว โดยผลงานชิ้นโดดเด่นและเป็นที่รู้จักกว้างขวางก็เช่น Ouvroir, the Movie (2010) ของ คริส มาร์แกร์ คนทำหนังชาวฝรั่งเศสระดับตำนาน (เจ้าของสารคดีคลาสสิกอย่าง Sans Soleil) ซึ่งเป็นแฟนเดนตายของเกม Second Life เขาสร้างเกาะชื่อ Ouvroir ในเกม แล้วก็สร้างตัวอวตารแมวขึ้นและบันทึกการเดินทางของมันออกมาเป็นหนังสั้นเรื่องนี้ (ซึ่งแสดงให้เห็นทั้งความเปิดใจกว้างของมาร์แกร์และศักยภาพของเกมได้เป็นอย่างดี)
งานกลุ่ม Machinima นี้มีคนทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันต่อเนื่องมาโดยตลอด มีการจัดเทศกาล Milan Machinima Festival เพื่อเชิดชูผลงานแนวนี้โดยเฉพาะมาถึงปีที่ 8 แล้ว และความสำเร็จของมันก็ได้ปูทางให้เกิดการพัฒนามาสู่สารคดีในรูปแบบที่ซับซ้อนและจริงจังมากขึ้น
‘สารคดีในวิดีโอเกม’ คืออะไร :
ก็คือสารคดีที่ใช้สภาพแวดล้อม ตัวละคร กลไก และทรัพยากรของวิดีโอเกมเป็น ‘พื้นที่หลักในการถ่ายทำ’ นั่นเอง แทนที่คนทำหนังจะต้องใช้กล้องไปตามถ่ายซับเจ็กต์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกจริง ก็เปลี่ยนมาใช้วิธีบันทึกฟุตเตจจากภายในเกมโดยตรง แล้วอาจจะนำมาตัดต่อ ดัดแปลง หรือเพิ่มเสียงพากย์เข้าไป เพื่อนำเสนอเรื่องราว ข้อมูล หรือแนวคิดบางอย่างตามที่ต้องการ
เทรนด์นี้เกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายประการที่มาบรรจบกันอย่างลงตัว ได้แก่
ตัวอย่างโดดเด่นของ ‘สารคดีในวิดีโอเกม’ :
Grand Theft Hamlet (2024)
เรื่องนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญสุด ๆ เพราะได้รับคำชื่นชมจากเทศกาลต่าง ๆ ทั่วโลก, คว้ารางวัลจาก British Independent Film Awards และ SXSW แถมยังเป็นสารคดีจากวิดีโอเกมเรื่องแรกที่ได้เข้าฉายในโรงหนังวงกว้างในสหรัฐอเมริกา ตามด้วยการได้เผยแพร่ทั่วโลกบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ Mubi อีกด้วย
สารคดีเรื่องนี้เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2021 ระหว่างการล็อกดาวน์ครั้งที่สามในอังกฤษ สองนักแสดงว่างงานอย่าง แซม เครน กับ มาร์ก ออสเตอร์วีน หาทางคลายความเบื่อหน่ายด้วยการเข้าไปโลดแล่นในโลกของเกม Grand Theft Auto (GTA) จนวันหนึ่งพวกเขาบังเอิญไปเจอโรงละครกลางแจ้งในเกมเข้า และนั่นเองที่จุดประกายให้ทั้งคู่คิดอยากลองจัดการแสดงละครขึ้นในโลกเสมือนนี้ ทันทีที่ความคิดตกผลึก พวกเขาก็ไปชวน พินนี กริลล์ ซึ่งเป็นแฟนของแซมและเป็นผู้กำกับหนังมาร่วมทีมเพื่อเริ่มวางแผนการแสดงละครเรื่อง Hamlet
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มงานจริง ๆ ทั้งสามก็ต้องพบความวุ่นวายสารพัดทั้งในขั้นตอนออดิชั่น เลือกคอสตูม ออกแบบฉาก ฯลฯ และเหตุการณ์โกลาหลทั้งหมดก็ถูกบันทึกฟุตเตจไว้ แล้วนำมาตัดต่อกลายเป็นสารคดีที่ทั้งขบขัน สร้างสรรค์ และมีเสน่ห์เรื่องนี้
We Met in Virtual Reality (2022)
สารคดีของ โจ ฮันติง ที่ใช้กล้องในเกม VRChat ถ่ายทำ นำเสนอเรื่องราวของผู้คนที่ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อแสดงตัวตนทางเพศ สร้างความสัมพันธ์ หรือจำลองชีวิตปกติในช่วงล็อกดาวน์จากโควิด-19 หนังสะท้อนให้เห็นว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมาเชื่อมสัมพันธ์กันผ่านโลกออนไลน์และพื้นที่ดิจิทัล
Knit’s Island (2023)
สารคดีที่ถ่ายทำในเกมซอมบี้ DayZ โดยผู้กำกับทั้งสามคือ เอเกียม บาร์บีเย, กีแย็ม กอสส์ และ ก็องแต็ง เลลกวาลค์ ใช้เวลาถึง 963 ชั่วโมงในการเข้าไปสัมภาษณ์ผู้เล่นที่จำลองตัวเองเป็นชาวบ้าน ขุนศึก หรือโจรในโลกหลังล่มสลาย จุดที่เก๋สุด ๆ คือการสัมภาษณ์นี้ใช้สไตล์แบบ direct cinema แถมยังใช้เทคนิคการถ่ายแบบแทร็คกิ้งช็อต (เคลื่อนกล้องไปพร้อมกับตัวซับเจ็กต์) อีกต่างหาก ทำให้งานชิ้นนี้โดดเด่นทั้งแนวคิดและการนำเสนอ
Knit’s Island ได้เข้าฉายในเทศกาลสารคดีสำคัญ ๆ อย่าง IDFA กับ Visions du Réel และยังได้เข้าฉายโรงในฝรั่งเศสอีกด้วย ถือเป็นสารคดีกลุ่มนี้เรื่องแรกที่ได้ฉายระดับประเทศอย่างเป็นทางการ
The Remarkable Life of Ibelin (2024)
ผลงานของ เบนจามิน รี เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเพราะคว้ามาได้ทั้งรางวัลสารคดียอดเยี่ยมสาย World Documentary และรางวัลขวัญใจผู้ชมจากเทศกาลหนังซันแดนซ์
หนังเล่าเรื่องของ มัตส์ สตีน เกมเมอร์ชาวนอร์เวย์ที่เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ในช่วงที่ยังอยู่นั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกมจนพ่อแม่เชื่อว่าลูกเป็นคนโดดเดี่ยวไร้เพื่อน แต่หลังการตายของลูก พวกเขาก็ได้รับข้อความจากมิตรสหายออนไลน์ทั่วโลก และเพิ่งได้ค้นพบว่า แท้จริงแล้ว มัตส์มีชีวิตในโลกดิจิทัลที่เปล่งประกายเจิดจ้าผ่านตัวละครชื่อ Ibelin ในเกม World of Warcraft
สารคดีไฮบริดเรื่องนี้ผสมผสานฟุตเตจจากการสัมภาษณ์ครอบครัวของมัตส์ เข้ากับฉาก machinima ที่สร้างจากล็อกแชตในเกมเก่า รวมถึงบันทึกในบล็อกของเขาและบทสัมภาษณ์ผู้คนที่รู้จักเขาในโลกเกม การผสานเทคนิคเหล่านี้ช่วยเสริมธีมของหนังว่าด้วย ‘มิตรภาพและความรักสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกได้’ ได้อย่างน่าสนใจและมีพลังมาก ๆ
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักเล่าเรื่องที่ใช้โลกของเกมมาเป็นเครื่องมือทำสารคดีวิพากษ์ประเด็นทางสังคมจริงจังได้อย่างน่าสนใจ เช่น กลุ่ม Total Refusal ซึ่งใช้วิธีเข้าไปเล่นเกมแบบสด ๆ แล้วบรรยายเนื้อหาให้แก่ผู้ชมและผู้เล่นในเกมไปพร้อม ๆ กัน ตัวอย่างผลงานของพวกเขามีอาทิ
Operation Jane Walk (2018)
สารคดีทดลองที่ทำใน The Division เกมยิงแนวโลกดิสโทเปียแบบผู้เล่นหลายคน (multiplayer shooter) แต่แทนที่เราจะต้องไปไล่ยิงคนในพื้นที่สงคราม หนังกลับใช้โลกในเกมนี้เป็นที่ให้เราได้ออกเดินสำรวจเมืองแมนฮัตตันอันร้างผู้คน พร้อมฟังเสียงบรรยายว่าด้วยประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ทฤษฎีการออกแบบเมือง และการเลือก-จัดวางพื้นที่ต่าง ๆ โดยผู้พัฒนาเกม เพื่อชวนให้เราตั้งคำถามถึงบทบาทของ ‘เมืองจำลอง’ ในเกมว่าเป็นเพียงฉากหลัง หรือว่ามันสมควรถูกพินิจพิเคราะห์แบบเดียวกับเมืองจริง ๆ กันแน่
How to Disappear (2020)
หนังต่อต้านสงครามที่ทำด้วยเกมสงครามออนไลน์ Battlefield V นำเสนอเรื่องของการหนีทหารและตั้งคำถามต่อโครงสร้างอำนาจในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อความรุนแรง
Hardly Working (2022)
สารคดีที่พาเราไปจับตาตัวละครผู้มักอยู่แค่ฉากหลังของวิดีโอเกม คือเหล่า NPC (non-player characters) หรือ ‘ตัวประกอบ’ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนซักผ้า เด็กรับใช้ในคอกม้า พนักงานกวาดถนน และช่างไม้ ซึ่งล้วนเป็นภาพเปรียบเปรยถึงชีวิตของการทำงานในโลกทุนนิยม
และเชื่อหรือไม่ว่า แม้แต่ ‘สารคดีธรรมชาติ’ ก็ทำด้วยวิดีโอเกมได้!
ความที่โลกของวิดีโอเกมนั้นมักเต็มไปด้วยพรรณไม้และสรรพสัตว์ประหลาดตาน่าทึ่ง จึงมีนักเล่าเรื่องบางคนใช้ดินแดนเสมือนนี้เป็นพื้นที่ที่พาเราออกเดินทางสำรวจสิ่งมีชีวิตอันวิจิตรพิสดาร เช่น Creatures of Destiny: A Nature Documentary ของครีเอเตอร์บนยูทูบชื่อ Kimber Prime ซึ่งเล่าว่า ตัวเธอมีพื้นฐานด้านสัตววิทยาอยู่แล้ว เมื่อวันหนึ่งขณะเล่นเกม Destiny 2 แล้วได้ยินเสียงกบตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังร้อง เธอก็เริ่มสนใจและเริ่มสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ตามมาอีกเรื่อย ๆ ครั้นยิ่งขุดค้นก็ยิ่งเก็บรวบรวมข้อมูลได้มากมายจึงตัดสินใจทำสารคดีเรื่องนี้โดยเลือกเล่าด้วยลีลาแบบสารคดีธรรมชาติของ เดวิด แอตเทนเบอโรห์
แม้ว่าการทำสารคดีด้วยวิดีโอเกมจะยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่น ระบบกล้องในเกมที่มักออกแบบมาเพื่อการเล่นมากกว่าการทำหนัง หรือการแสดงอารมณ์ของตัวละครที่ยังไม่หลากหลายนัก แต่คนทำหนังกลุ่มนี้ก็พยายามหาทางแก้ไขและสร้าง ‘ภาษาหนัง’ เฉพาะตัวขึ้น รวมทั้งใช้ประโยชน์ของความเป็นเกมมาเพิ่มจุดเด่นให้แก่ผลงาน เช่น การทำให้คนดูสามารถมีส่วนร่วมด้วยการเข้าไปควบคุมมุมมองด้วยตัวเองได้ในบางสถานการณ์ หรือการนำเกมที่มีเครื่องมือช่วยตัดต่อมาใช้เพื่อแก้ปัญหาการเคลื่อนกล้อง ซึ่งล้วนส่งผลให้สารคดีกลุ่มนี้มีเอกลักษณ์และสร้างที่ทางให้แก่ตัวเองในโลกภาพยนตร์ได้อย่างแข็งแรงขึ้นทุกขณะ
โครงการพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านภาพยนตร์สารคดี
ได้รับการส่งเสริมจาก กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
Documentary Club is a group of film lovers dedicated to creating diverse spaces in Thailand for alternative films, especially documentaries. We do this by distributing films through various channels, organizing film screenings, hosting film festivals, and arranging discussion forums, in collaboration with partners from both the film industry and social sectors across the country.
Movies Matter Co.,Ltd.
Bangkok, Thailand