THE DESTRUCTION OF MEMORY
การต่อสู้เรียกร้องให้สถาปัตยกรรมได้รับการคุ้มครองในฐานะมรดกทางวัฒนธรรม และเครื่องหมายทางอัตลักษณ์ของมนุษยชาติ เพื่อจะรอดพ้นการถูกทำลายในวิกฤติความขัดแย้ง
“ผมไม่ใช่นิโกร
ผมเป็นมนุษย์
หากคุณเห็นผมเป็นนิโกร
ก็เพราะคุณต้องการให้ผมเป็นอย่างนั้น
…และคุณต้องหาคำตอบเองให้พบว่ามันเป็นเพราะอะไร”
– เจมส์ บาลด์วิน
จากต้นฉบับหนังสือ 30 หน้าที่ เจมส์ บาลด์วิน กวี นักเขียน และนักต่อสู้ชาวอเมริกันผิวสีขึ้นต้นไว้และไม่เคยมีโอกาสเขียนให้เสร็จสิ้น สู่หนังสารคดีทรงพลังรุนแรงที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่ “จดหมายบันทึกความทรงจำถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมทั้งรักทั้งชัง” ดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดด้วยเสียงของแซมวล แอล แจ็คสัน และภาพฟุตเตจประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญตลอดระยะเวลาการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, มัลคอล์ม เอ็กซ์ และเม็ดการ์ เอเวอร์ส ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกลอบสังหาร
In 1979, James Baldwin wrote a letter to his literary agent describing his next project, “Remember This House.” The book was to be a revolutionary, personal account of the lives and assassinations of three of his close friends: Medgar Evers, Malcolm X and Martin Luther King, Jr. At the time of Baldwin’s death in 1987, he left behind only 30 completed pages of this manuscript. Filmmaker Raoul Peck envisions the book James Baldwin never finished.
การต่อสู้เรียกร้องให้สถาปัตยกรรมได้รับการคุ้มครองในฐานะมรดกทางวัฒนธรรม และเครื่องหมายทางอัตลักษณ์ของมนุษยชาติ เพื่อจะรอดพ้นการถูกทำลายในวิกฤติความขัดแย้ง
เหตุการณ์ประท้วงปี 1968 ของฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในตัวอย่างคลาสสิกของโลก ว่าด้วยแรงกระเพื่อมจากคนกลุ่มเล็กๆ ผู้ไม่อาจทนการถูกรัฐทอดทิ้งได้อีกต่อไป!
กว่า 30 ปีหลังเขย่าโลกด้วยหนังเรื่อง JFK โอลิเวอร์ สโตนกลับมาชำแหละประวัติศาสตร์ฉาวนี้อีกครั้ง เพราะนี่คือปีที่เอกสารจำนวนมากที่ถูกบันทึกไว้จากการตรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุ จากการชันสูตรศพเคนเนดี้ และจากการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทุกคน ถึงเวลาถูกเปิดเผย!
50% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ใน “เมือง” และจะเพิ่มเป็นถึง 80% ภายในปี 2050 แต่เราพัฒนาเมืองให้เหมาะสมกับมนุษย์จริงหรือ?
ในสมรภูมิสื่อที่ครอบครองโดยผู้ชายมาช้านาน หนังสือพิมพ์และสำนักข่าวเล็ก ๆ ชื่อ “คาบาร์ลาฮารียา” ผงาดขึ้นสร้างปรากฏการณ์ใหม่อย่างอาจหาญ
ย้อนประวัติศาสตร์ไปตื่นตะลึงกับชัยชนะระดับปรากฏการณ์โลกของทีมวอลเลย์บอลหญิงญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “แม่มดแห่งตะวันออก”
หนังภาคคู่ของ The Act of Killing เมื่อน้องชายเหยื่อตัดสินใจเผชิญหน้าและสนทนากับเหล่ามือสังหารตัวจริง!
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในคลับ สู่การเปิดโปงความฉ้อฉลครั้งมโหฬารของระบบสาธารณสุขและรัฐบาล ที่เดิมพันด้วยชีวิตของประชาชนและจริยธรรมของ “สื่อมวลชน”
subscribe to newsletter to stay up to date with our films & events