Faces Places

ชื่อต้นฉบับ : Visages villages / ชื่อไทย : ถ่ายภาพเธอไว้ ให้โลกจดจำ

(89 นาที / ฝรั่งเศส / 2017 / กำกับ: อานเญส วาร์ดา, เจอาร์ / เรท: ทั่วไป)

“คุณมองอะไรๆ ไม่ชัด คุณก็ยังมีความสุข”
“เธอมองอะไรๆ ก็มืด เธอเองก็ยังมีความสุข”
“นี่คือรถตู้ที่ผมขับไปทั่วโลก คนจะเข้าไปด้านหลัง เหมือนบูธถ่ายรูป แล้ว 5 วินาที ภาพก็จะไหลออกมาข้างๆ ขนาดใหญ่เบ้ง”
“เธอเติมเต็มความปรารถนาสูงสุดของฉัน คือการได้พบเจอใบหน้าใหม่ๆ แล้วถ่ายเก็บไว้ เพื่อไม่ให้มันหล่นหายไปในช่องว่างแห่งความทรงจำ”
“แต่ละใบหน้าล้วนมีเรื่องราว”
“ใบหน้าคนเรางดงามนะ”

ผลงานกำกับสุดเอิบอิ่มหัวใจของสองศิลปินต่างวัยที่มีผู้รักใคร่ติดตามผลงานทั่วโลก หนึ่งคือ อานเญส วาร์ดา คนทำหนังวัย 89 อีกหนึ่งคือ เจอาร์ ช่างภาพ-ศิลปินวัย 33 …เขาและเธอไม่เพียงลุ่มหลงเสน่ห์ของ “ภาพ” มาทั้งชีวิตเหมือนกัน แต่ยังมีวิธีคิด วิธีสร้าง วิธีแสดง และวิธีแบ่งปันมันแก่ผู้คนอื่นๆ คล้ายกันด้วย อานเญสสำรวจความหลงใหลผ่านการถ่ายภาพนิ่งและหนัง ส่วนเจอาร์คลุกคลีกับมันผ่านงานศิลปะภาพถ่ายจัดวางกลางแจ้งขนาดใหญ่ยักษ์

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่จับมือออกเดินทางสร้างงานศิลปะด้วยกัน -ซึ่งอาจเป็นทั้งครั้งแรกและครั้งสุดท้าย- บนความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ และต่อโลกที่คละเคล้าด้วยความสุขและความเศร้าใบนี้

(1h 29min / France / 2017 / Director: Agnès Varda, JR / Certificate: G​)

89-year old Agnes Varda, one of the leading figures of the French New Wave, and acclaimed 33 year-old French photographer and muralist JR teamed up to co-direct this enchanting documentary/road movie. Kindred spirits, Varda and JR share a lifelong passion for images and how they are created, displayed and shared.

Together they travel around the villages of France in JR’s photo truck meeting locals, learning their stories and producing epic-size portraits of them. The photos are prominently displayed on houses, barns, storefronts and trains revealing the humanity in their subjects, and themselves. Faces Places documents these heart-warming encounters as well as the unlikely, tender friendship they formed along the way.

รางวัล (Award) :

  • Golden Eye Awards เทศกาลหนังเมืองคานส์ 2017
  • หนังสารคดียอดเยี่ยม LA Film Critics Association
  • หนังสารคดียอดเยี่ยม New York Film Critics Circle
  • ขวัญใจมหาชน เทศกาลหนังนานาชาติโตรอนโต
  • หนังสารคดียอดเยี่ยม Toronto Film Critics Association
  • หนังสารคดียอดเยี่ยม San Francisco Film Critics Circle
  • หนังสารคดียอดเยี่ยม Seattle Film Critics
  • รางวัล The Unforgettables ของ Cinema Eye Honors Awards

และได้รับการโหวตเป็นหนึ่งใน “10 หนังยอดเยี่ยมแห่งปี 2017” ของ
  • Sight and Sound
  • Film Comment
  • Time
  • The New Yorker
  • New York Times
  • Indie Wire 2017 Critics Poll
  • Washington Post
  • Vanity Fair
  • CBS news
  • Entertainment Weekly

Article

Related Films

doc club for kids

ประเด็นสำคัญในหนัง

  • ความสร้างสรรค์ และอาการ “หมดไฟ”

ก่อนหน้าจะได้เจอเจอาร์นั้น อานเญส วาร์ดาเคยเปรยเรื่องการเลิกทำหนัง เพราะวัยทำให้เธอเริ่มหมดความคล่องแคล่วและหมดไฟ แต่แล้วการได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับศิลปินรุ่นหลานที่รักในสิ่งเดียวกัน ทั้งการถ่ายภาพ การเดินทาง และการพบปะผู้คน ก็ทำให้วาร์ดาเกิดไฟสำหรับการสร้างงานและความคิดสร้างสรรค์ขึ้นอีกครั้ง ผลแห่งการตัดสินใจมาร่วมกันทำโปรเจ็กต์สำคัญทำให้เธอมีความสุข และความสุขนั้นก็ปรากฏอย่างชัดเจนบนจอจนเราในฐานะผู้ชมสามารถรับรู้ได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงเท่านั้น การเดินทางไปยังเมืองเล็กต่าง ๆ ของทั้งสอง ก็ยังทำให้พวกเขาได้พบคนที่แม้จะอยู่ท่ามกลางอุปสรรคแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นเพื่อนมนุษย์ที่มีความภาคภูมิใจในชีวิตตนเอง พลังเหล่านี้ถูกถ่ายทอดอย่างท่วมท้นในหนังและน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมได้อย่างดี

 

  • พลังของ “ภาพ”

ภาพถ่ายบนผนังขนาดยักษ์ของเจอาร์นั้นทรงพลังด้วยใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของผู้คน ที่มักเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยไร้ปากเสียงในสังคม และไม่เคยคาดหวังว่าตนจะสามารถปรากฏต่อหน้าคนอื่น ๆ อย่างโดดเด่นได้ถึงขนาดนี้ นี่คือพลังประการแรกของ “ภาพ” ที่เราได้เห็นในหนัง

ประการต่อมา เมื่อเจอาร์ได้มาทำงานกับวาร์ดา แนวคิดของภาพของเขาก็ขยายขอบเขตออกไปอีก เพราะวาร์ดาชี้ชวนให้เขาเริ่มจับจ้องคนที่มี “เรื่องราวหนหลัง” โดยเฉพาะเรื่องราวของการต่อสู้ การผ่านประสบการณ์ทั้งทุกข์และสุข การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ฯลฯ ซึ่งทำให้ภาพของคนที่ทั้งสองเลือกถ่ายหรือสร้างขึ้นยิ่งมีพลังจับใจเรามากขึ้นอีก

และท้ายที่สุด งานกำกับภาพของหนังเองก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขณะที่เจอาร์ใช้กล้องของเขาถ่ายคน กล้องของหนังก็ถ่ายอากัปกิริยาของผู้คนแวดล้อม ของตัวเจอาร์ ตัววาร์ดา ธรรมชาติ และสิ่งที่รายล้อม ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของชีวิตมนุษย์

 

  • “ศิลปะ” ในสายตาของสาธารณชน

ความงดงามอย่างหนึ่งของงานศิลปะแบบเจอาร์ก็คือ มันเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมากตั้งแต่ในกระบวนการสร้างงานจนถึงการจัดแสดง หลาย ๆ ครั้งงานของเขาปรากฏตามพื้นผิวขนาดใหญ่โดยไม่มีคำอธิบาย เปิดพื้นที่ให้ผู้พบเห็นได้พยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเอง และบ่อยครั้งความเข้าใจเหล่านั้นก็ไม่ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับศิลปะที่ลึกซึ้ง แค่อาศัยประสบการณ์และใจที่เปิดกว้างของผู้ชม ดังที่เราได้เห็นชาวบ้านมากมายในหนังเรื่องนี้เกิดความดื่มด่ำกับภาพที่เห็นโดยไม่ต้องให้ใครมาอธิบายความหมายของมัน

 

  • การยกย่องผู้ใช้แรงงาน

ผลงานของเจอาร์กับวาร์ดาโดดเด่นในประเด็นนี้มาก่อนแล้วทั้งคู่ แน่นอนว่าเมื่อพวกเขามาทำงานด้วยกัน ประเด็นดังกล่าวก็ยิ่งฉายชัด การเดินทางไปถ่ายภาพตามสถานที่ต่าง ๆ ของทั้งสองจึงทำให้เราได้รับฟังเรื่องราวของชาวบ้านผู้ใช้แรงงานหลากหลายอาชีพ ซึ่งล้วนมีความทรงจำและความภาคภูมิต่อประวัติศาสตร์ของตน พวกเขาอาจไม่ใช่คนยิ่งใหญ่โด่งดัง แต่พวกเขาคือบุคคลสำคัญที่หนังไม่ยอมมองข้าม และทำให้เรารู้สึกเคารพรัก

ดูจบแล้วคุยอะไรกันดี

  1. ก่อนดูหนังเรื่องนี้ คุณเคยเห็นผลงานของอานเญส วาร์ดาหรือเจอาร์มาก่อนมั้ย ถ้าเคยเห็น รู้สึกยังไง
  2. คิดว่าเพราะอะไรหนังจึงเลือกไปถ่ายภาพคนใช้แรงงานตามเมืองเล็ก ๆ
  3. แม้วัยจะต่างกันมาก แต่วาร์ดากับเจอาร์กลับผูกพันกันอย่างรวดเร็วแน่นแฟ้น คิดว่าเป็นเพราะอะไร และคุณเคยมีความสัมพันธ์คล้าย ๆ แบบนี้กับใครมั้ย
  4. คิดยังไงกับงานศิลปะแบบเจอาร์ที่บุกไปสร้างงานแบบสด ๆ และเน้นความรวดเร็วแบบกองโจร แถมงานแปะติดกระดาษของเขายังไม่ถาวร มีอายุการจัดแสดงสั้นมากอีกด้วย
  5. วาร์ดาเป็นผู้หญิงที่ไม่พยายามกลบเกลื่อนความแก่ชราของตัวเอง เธอพูดถึงมันอย่างเปิดเผย คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้
  6. คิดว่าเพราะอะไรเจอาร์ถึงไม่ยอมถอดแว่นดำแม้วาร์ดาจะขอหลายครั้ง และเพราะอะไรท้ายที่สุดเขาจึงยอมถอด
  7. หนังสารคดีเรื่องนี้เป็นการบันทึกการเดินทางไปเรื่อย ๆ ของตัวศิลปินทั้งสอง อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีฉากหักมุม ฉากตื่นเต้นชวนลุ้น ฯลฯ แบบหนังทั่วไปเลย คุณคิดยังไงกับหนังแบบนี้
  8. ชอบชาวบ้านคนไหนในหนังเรื่องนี้มากที่สุด เพราะอะไร
  9. อะไรคือสิ่งที่คุณประทับใจที่สุดใน Faces Places เพราะอะไร